Wednesday, 7 June 2023
Bangkok I love you

นายกานต์ กิตติอำพน ผู้สมัคร ส.ส. กทม เขตห้วยขวาง วังทองหลาง ขอโอกาสคนรุ่นใหม่สร้างผลงาน

นายกานต์ กิตติอำพน ผู้สมัคร ส.ส. กทม เขตห้วยขวาง วังทองหลาง หมายเลข 4 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนเกิดในครอบครัวข้าราชการ พ่อเป็นทหารเรือ แม่เป็นอาจารย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยความที่ตนเกิดและโตที่ต่างประเทศ การเลี้ยงดูจึงมีลักษณะแบบฝรั่ง ก็คือ ให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ลองผิดลองถูกเอง ที่ผ่านมาตนมีประสบการณ์การทำงานด้านอีเว้นท์ รับหน้าที่พวก project manager ดูแล ประสาน วางแผน และการแก้ปัญหา ถือว่าสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบของ ส.ส. ทักษะดังกล่าวที่ตนมีสามารถนำมาปรับใช้ในการแก้ปัญหาในพื้นที่ ด้วยการประสานงานในส่วนต่าง ๆ

.

นายกานต์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตัดสินใจเดินเข้ามาสู่เส้นทางการเมืองก็เพราะ เราต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมันอยู่มานานแล้วกับชาวห้วยขวางและวังทองหลาง คือสายไฟฟ้าและสายสื่อสารที่ไม่เคยเป็นระเบียบ เรื่องน้ำท่วม เรื่องการจราจร และทางเท้าที่ค่อนข้างคับแคบ รวมถึงไฟฟ้าแสงสว่างตามชุมชนต่าง ๆ ที่ยังไม่เพียงพอ ซึ่งปัญหาขี้นพื้นที่ฐานตรงนี้ถือว่าส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของพี่น้องประชาชนตนจึงต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เร็วที่สุด

.

"วันนี้ผมอาจจะยังไม่มีผลงานที่เป็นรูปธรรม หรือยังไม่ได้มีโอกาสทำพื้นที่ให้ประชาชนได้เห็น แต่ผมอยากจะขอโอกาสให้คนรุ่นใหม่อย่างผมได้เข้ามาสร้างผลงานให้พี่น้องชาวห้วยขวางและวังทองหลาง เลือกคนใหม่ได้ กานต์ เปลี่ยนแปลง" นายกานต์ กล่าว

.

นายกานต์ ยังกล่าวต่อว่า ถึงแม้ตนจะเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ในวงการการเมือง แต่ตนเชื่อมั่นว่า ด้วยความทุ่มเทอย่างเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ที่จะมาเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องประชาชน และวันนี้ ตนตัดสินใจยอมทิ้งทุกอย่าง เพื่อขออาสาเป็นผู้แทนพ่อแม่พี่น้อง ในการผลักดันกฏหมายพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนชุมชนเรา จะทำให้ทุกคนเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงดี ๆ ในการเลือกครั้งนี้

.

#กรุงเทพฯชีวิตดีๆที่ลงตัว

BYD ประกาศโฉมหน้ารถ EV ขนาดเล็ก ชื่อซีกัล(Seagull)

BYD Seagull เป็นหนึ่งในรถซีรีส์ Ocean รถแฮทช์แบ็กไฟฟ้าขนาดเล็กราคาประหยัดรุ่นใหม่ ถูกตั้งราคาไว้ที่ 80,000-100,000 หยวนหรือประมาณ 400,000-500,000 บาท

.

ด้านแบตเตอรี่ที่ให้พลังงานแก่มอเตอร์มี 2 ทางเลือกเช่นเดียวกันระหว่าง 30 kWh ที่ให้ระยะการเดินทาง 305 กิโลเมตรต่อการชาร์ต และ 38 kWh ให้ระยะการเดินทาง 405 กิโลเมตรต่อการชาร์ต โดยมีสื่อรถยนต์จีนรายงานว่ารถไฟฟ้าขนาดเล็กรุ่นใหม่นี้ อาจเป็นรถรุ่นแรกของค่ายที่ใช้แบตเตอรี่โซเดียม-ไอออน ที่ทาง BYD วางแผนที่จะผลิตแบบจำนวนมากในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2023 นี้ อย่างไรก็ตามรถรุ่นที่มีระยะการเดินทาง 405 น่าจะยังคงใช้แบตเตอรี่ LFP Blade ส่วนรุ่นที่มีระยะการเดินทาง 305 กิโลเมตร จะใช้แบตเตอรี่โซเดียม-ไอออนที่มีขนาดเล็กกว่า

.

สำหรับจุดเด่นของแบตเตอรี่แบบใหม่ คือมีความปลอดภัยมากกว่าแบตเตอรี่ลิเธียม ทนต่ออุณหภูมิหนาวเย็นได้ดีกว่า มีอัตราการคายประจุช้ากว่า ต้นทุนการผลิตถูกกว่า และเป็นมิตรต่อต่อสภาพแวดล้อมมากกว่า แต่จะมีจุดด้อยคือชาร์จไฟช้ากว่า มีแรงดันต่ำกว่า และมีความจุน้อยกว่า

.

ขอบคุณข้อมูลจาก อ.ต่อตระกูล ยมนาค

.

#BangkokIloveYou

#มาร่วมสร้างกรุงเทพกัน

ปตท. ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการรณรงค์ความปลอดภัยรถ NGV

วันที่ 10 เมษายน 2566 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม อาคาร 10 ชั้น 3 กรมการขนส่งทางบก นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และ นายวุฒิกร สติฐิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารจากกรมขนส่งทางบกและ ปตท. ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการรณรงค์ความปลอดภัยรถ NGV

.

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกมุ่งมั่นในการรณรงค์และเสริมสร้างทัศนคติการตระหนักถึงความปลอดภัย รวมถึงยกระดับมาตรฐานในการตรวจสอบการใช้งานรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดเป็นเชื้อเพลิง (NGV) เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ตามนโยบายของ รัฐบาล กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบกได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ในโครงการรณรงค์ความปลอดภัยรถ NGV กับ ปตท. เพื่อบูรณาการร่วมกันในการเชื่อมโยงข้อมูลการตรวจและทดสอบรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดเป็นเชื้อเพลิง (NGV) ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก และข้อมูลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของกรมการขนส่งทางบก โดยการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อใช้ในการตรวจสอบรถ NGV ที่เข้ามารับบริการเติมก๊าซ NGV ในสถานีบริการ NGV ของ ปตท. ทั่วประเทศ เพื่อยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบความปลอดภัยของผู้ใช้รถก๊าซ NGV

.

นายวุฒิกร สติฐิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท. กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่ ปตท. จะได้นำเอาองค์ความรู้ ศักยภาพ และประสบการณ์ด้านก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) มาร่วมสนับสนุนในโครงการรณรงค์ความปลอดภัยรถ NGV เพื่อเสริมสร้างทัศนคติการตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้งานรถ NGV และลดการเกิดอุบัติเหตุให้แก่ผู้ใช้รถ NGV และประชาชนทั่วประเทศ โดย ปตท. นำข้อมูลการตรวจและทดสอบรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอัดเป็นเชื้อเพลิง (NGV) และข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในความควบคุมดูแลของกรมการขนส่งทางบกนำมาตรวจสอบรถ NGV ที่เข้าเติมก๊าซธรรมชาติอัดในสถานีบริการ NGV ของ ปตท. ทั่วประเทศให้เกิดความปลอดภัยในการเติมก๊าซฯ รวมถึงนำส่งข้อมูลรถ NGV ที่มีสภาพไม่ปลอดภัยให้กับกรมการบนส่งทางบกเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลต่อ พร้อมทั้งการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถ NGV ที่ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก เช่น การออกตรวจรถ NGV ร่วมกัน นำมาพิจารณาให้รางวัลผู้ตรวจสภาพรถ NGV ที่ปฏิบัติงานดีเยี่ยมประจำปีต่อไป

.

“โครงการรณรงค์ความปลอดภัยรถ NGV” เป็นความร่วมมือระหว่างกรมการขนส่งทางบกกับ ปตท. เพื่อเสริมสร้างทัศนคติของผู้ขับขี่ให้ตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้งานรถ NGV ลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานรัฐ

.

ทั้งนี้ ภายหลังจากการลงนามฯ กรมการขนส่งทางบก และ ปตท. ได้จัดกิจกรรม “Safety Campaign” เป็นโครงการให้บริการตรวจเช็กอุปกรณ์และส่วนควบรถ NGV โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตลอดปี 2566 รวมถึงการออกรณรงค์ความปลอดภัยทั่วประเทศตามแผนงาน ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมที่ออกตรวจตามสถานีบริการ NGV ร่วมกันระหว่าง ปตท. และ ขบ. และ แต่ละไตรมาสจะมีการออก PR ประชาสัมพันธ์ตาม Theme เช่น ไตรมาส 1 ออก PR ใน Theme “ไม่มี ไม่เติม Sticker นั้นสำคัญ” ในสถานีบริการ NGV จำนวน 244 แห่งทั่วประเทศ

.

#BangkokIloveYou

#มาร่วมสร้างกรุงเทพกัน

‘สกลธี’ นำทีมพลังประชารัฐ ตัดริบบิ้น ลั่นไม่ได้แจกเงินหว่าน เหมือนบางนโยบาย

วันนี้ (9 เมษายน 2566) พรรคพลังประชารัฐเปิดศูนย์ประสานงานการเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 20 เขตลาดกระบัง (ยกเว้นแขวงลำปลาทิว) นายบุญส่ง เต๋งจงดี ผู้สมัครหมายเลข 1 โดยมีนายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน

.

โดยนายบุญส่ง เต๋งจงดี ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 20 เขตลาดกระบัง (ยกเว้นแขวงลำปลาทิว) หมายเลข 1 กล่าวว่า ตนอยากให้เขตลาดกระบังเปลี่ยนแปลงด้วยนโยบายที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และคุณสกลธี ภัททิยกุล นำเสนอ เขตลาดกระบังเป็นพื้นที่ชานเมือง มีปัญหาเยอะ แต่ตนได้ลงพื้นที่ จัดลำดับปัญหาทั้งหมดไว้แล้ว หากพี่น้องชาวลาดกระบังให้โอกาส ตนพร้อมทำงานได้ทันที

.

ด้าน นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหาร ในฐานะหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนพูดคุยกับนายบุญส่งมานาน มั่นใจว่าเลือกไม่ผิดคน 4 ปีที่แล้วพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ ส.ส.ในเขตลาดกระบัง ครั้งนี้ขอให้โอกาสนายบุญส่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงเขตลาดกระบังให้ดีขึ้น

.

นายสกลธี กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐมีอดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจหลายคน นโยบายที่ออกมาจึงเน้นไปที่การดูแลปากท้องพี่น้องเป็นสำคัญ เช่น การเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 700 บาท พร้อมเพิ่มวงเงินประกันชีวิต 2 แสนบาท และมีเงินกู้ประกอบอาชีพอีก 5 หมื่นบาท นอกจากนี้ยังเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 3,000 – 5,000 บาท

.

“เราไม่ได้แจกเงินหว่านเหมือนบางนโยบาย การแจกเงินมันง่ายเหมือนไม่ได้คิดอะไร เราให้กลุ่มเปราะบางที่ต้องดูแล”

.

นายสกลธีกล่าวว่า เขตลาดกระบังจะพัฒนาขึ้นอย่างเห็นผลแน่นอน ตนเคยเป็นรองผู้ว่าฯ รู้ว่าหากให้ท้องถิ่นเป็นผู้พัฒนาฝ่ายเดียวไม่ไหว พรรคพลังประชารัฐจึงจะมีกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาทมาแก้ไขปัญหาทั้งประเทศ เขตลาดกระบังจะได้มีเงินมาช่วยสร้างรถไฟฟ้า สร้างระบบขนส่งสาธารณะ หากพี่น้องชาวลาดกระบังเลือกนายบุญส่ง เบอร์ 1 เลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 ให้เป็นรัฐบาล สิ่งดี ๆ เหล่านี้เกิดแน่นอน

.

“พื้นที่โซนกรุงเทพตะวันออกมีศักยภาพพัฒนาได้อีกมาก พรรคพลังประชารัฐตั้งเป้าหมายให้ทั้ง 50 เขตของกรุงเทพมีความเจริญทัดเทียมกัน ตอนนี้เขตพื้นที่ชั้นในหนาแน่นแล้ว แต่โซนกรุงเทพตะวันออกยัง สามารถรองรับการขยายตัวของเมืองได้ สามารถเป็นครัวของกรุงเทพได้ แต่ต้องมีคนมีความรู้มาช่วย ตนจึงขอโอกาสให้นายบุญส่ง เบอร์ 1 และพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 ด้วย”

.

#กรุงเทพฯชีวิตดีๆที่ลงตัว

"กรุงไทย" ผนึก "ปตท."

เมื่อวานนี้ (4 เมษายน 2566) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทย) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ บริษัท PTT International Trading Pte Ltd ประเทศสิงคโปร์ (PTTT ถือหุ้น 100% โดย ปตท.) ในการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงเชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต หรือ Carbon Credit Linked Derivatives

.

ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมใหม่ของตลาดทุนไทย ที่ธนาคารได้ออกแบบและพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการบริหารความเสี่ยงทางการเงินของ ปตท. รวมถึงเป็นการส่งเสริมเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทั้งสองบริษัท นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาตลาดการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างองค์กรในประเทศ โดย PTTT ประเทศสิงคโปร์ จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาคาร์บอนเครดิตที่มีมาตรฐานให้เพื่อใช้สำหรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมต่าง ๆ ในอนาคต นอกจากนี้ ข้อตกลงยังครอบคลุมถึงการบรรลุเป้าหมายด้าน ESG ของ ปตท.

.

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย ในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศ มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ของ United Nations Development Programme (UNDP)

.

โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นทิศทางที่ผู้บริโภค และธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยล่าสุดธนาคารลงนามบันทึกข้อตกลงกับ ปตท. และ บริษัท PTTT ประเทศสิงคโปร์ ในการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน (Derivatives) ที่เชื่อมโยงกับคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Linked Derivatives) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

.

นอกจากนี้ข้อตกลงยังครอบคลุมถึงการบรรลุเป้าหมายด้าน ESG ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นพัฒนาและการเป็นผู้นำตลาด ESG Financial Solution ของธนาคาร ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ในด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งเสริมการบริโภคและการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ และสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงมุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก้าวสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

.

“ธนาคารยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมด้านตลาดทุน และนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการทางการเงินให้กับลูกค้าอย่างครบวงจร และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตอบโจทย์โลกธุรกิจยุคใหม่ที่มีความผันผวน และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เสริมศักยภาพธุรกิจ และเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป”

.

นางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่มีความผันผวนอันเนื่องมาจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ เงินเฟ้อและนโยบายการบริหารจัดการดอกเบี้ยของแต่ละประเทศ ปตท. มีนโยบายการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนทางการเงินด้วยวิธี Natural Hedge รวมทั้ง มีการใช้เครื่องมือการบริหารความเสี่ยงเมื่อมีจังหวะและสถานการณ์ที่เหมาะสม

.

โดยธุรกรรมนี้จะเป็นครั้งแรกที่มีการเชื่อมโยงคาร์บอนเครดิต ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมของตลาดทุนเพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการทางการเงินให้กับองค์กรตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโลกยุคปัจจุบัน รวมถึงสนับสนุนให้ทั้ง 3 องค์กรมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

.

“การลงนามบันทึกข้อตกลง Carbon Credit Linked Derivatives ระหว่างธนาคารกรุงไทย ปตท. และ PTTT ในครั้งนี้ จะมีส่วนสนับสนุนกลยุทธ์ “ปรับ เปลี่ยน ปลูก” ของ ปตท. ที่ตั้งเป้าความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2040 และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ ด้วยการทำงานเชิงรุก ปรับกระบวนการผลิต ค้นคว้าพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ พร้อมทั้งเปลี่ยนสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พลังงานสะอาด ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมและสร้าง EV Ecosystem ในประเทศ รวมทั้งธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน ตลอดจนเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการปลูกป่าเพิ่ม 2 ล้านไร่ โดยแบ่งเป็น ปตท. 1 ล้านไร่ และความร่วมมือของบริษัทในกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2030 อีกด้วย”

.

นายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า PTT International Trading Pte Ltd (PTTT) ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ปตท. เป็นผู้นำในการพัฒนาและมีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจการค้าคาร์บอนเครดิต ทั้งในรูปแบบ Over The Counter และตลาด Exchange ทำให้สามารถเข้าถึงและขยายขอบเขตการค้าคาร์บอนเครดิตได้อย่างกว้างขวาง เพื่อให้ได้มาซึ่งคาร์บอนเครดิตที่มีมาตรฐาน และได้รับการยอมรับในระดับสากล

.

สำหรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่เชื่อมโยงในธุรกรรมครั้งนี้ จะเป็นต้นแบบในการพัฒนาตลาดสัญญาซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่เชื่อมโยงกับอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงินหรือผลิตภัณฑ์ทางการค้าอื่น ๆ ต่อไป ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท. มุ่งมั่นและพร้อมเป็นกำลังสำคัญร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านการดำเนินงานในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุเป้าหมาย การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระดับประเทศต่อไป

.

#BangkokIloveYou

#มาร่วมสร้างกรุงเทพกัน

คิดค้นโดยคนไทย แบตเตอรี่กราฟีน ชาร์จไว จุไฟนาน

ต้องยอมรับว่า ในตอนนี้ รถยนต์ไฟฟ้า EVs ยังมีข้อจำกัดอยู่หลายประการอย่างราคาแบตเตอรี่ที่แพง และการชาร์จเพื่อใช้งานในแต่ละครั้งที่ต้องใช้เวลานาน ทำให้หลายคนยังไม่ตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่ล่าสุด สจล.ได้คิดค้นนวัตกรรม ‘แบตเตอรี่กราฟิน’ สำหรับ EVs ครั้งแรกในประเทศไทย ที่อาจจะเข้ามาพลิกโฉมวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในไทยในทิศทางที่ดีขึ้น

.

‘แบตเตอรี่กราฟีน’ ดังกล่าว มีจุดเด่น คือ การกักประจุไฟฟ้าที่มากขึ้น และมีอัตราการอัดประจุไฟฟ้าที่เร็วกว่าแบตเตอรี่แบบเดิม และที่สำคัญ ราคาถูก ทนทาน ปลอดภัยต่อการใช้งาน ไม่ระเบิด ไม่ติดไฟ

.

โดย กราฟีน ถือเป็นวัสดุที่นานาประเทศยอมรับว่า มีความสำคัญในการสร้างนวัตกรรมในอนาคต โดยจะเป็นชั้นอะตอมของคาร์บอนที่เรียงตัวต่อกันเป็นโครงหกเหลี่ยม ซึ่งบางที่สุดในโลก แข็งแกร่งกว่าเพชรและเหล็กกล้าถึง 200 เท่า และนำไฟฟ้าและความร้อนได้ดีที่สุดในโลก

.

สำหรับ การผลิต ‘แบตเตอรี่กราฟีน’ จะใช้รีดิวซ์กราฟีนออกไซด์ ร่วมกับคาร์บอนจากวัสดุการเกษตรธรรมชาติ เช่น ถ่านเปลือกทุเรียน ถ่านกัญชง ถ่านหินลิกไนต์ และคาร์บอนทั่วไป มาทำเป็นขั้วไฟฟ้า พร้อมทั้งยังพัฒนาวัสดุใหม่ อย่างวัสดุคอมโพสิตยางพาราผสมนาโนกราฟีนออกไซด์ เพื่อป้องกันการคายประจุจากไฟฟ้าสถิต ทั้งเป็นตัวดูดซับสารอิเล็กโทรไลต์ให้มีสภาพเปียกได้สูง มีพื้นที่ผิวจำเพาะสูง ช่วยให้การเคลื่อนที่ของไอออนไหลผ่านได้ดีขึ้นจากรูพรุนที่เหมาะสม ส่งผลให้ยางพารามีประสิทธิภาพในการเป็นตัวแยกขั้วไฟฟ้าที่ดี ไม่มีความร้อนสะสมภายใน ทนต่อความร้อน และปฏิกิริยาเคมีจากกราฟีนออกไซด์

.

ที่ผ่านมาเป้าหมายการผลิต ‘กราฟีน’ ได้สำเร็จไปแล้วในเฟสที่ 1 ด้วยกำลังผลิตเดือนละ 15 กก. ลดการนำเข้าได้ กก.ละกว่า 10 ล้านบาท โดย สจล.เป็นแห่งเดียวในไทย ที่สามารถผลิต ‘กราฟีน’ ได้เอง

.

และล่าสุด สจล. ก็ได้คิดค้น ‘แบตเตอรี่กราฟีน’ ได้สำเร็จในเฟสที่ 2

.

สำหรับแนวทางการทดลอง ‘แบตเตอรี่กราฟีน’ ในรถยนต์ไฟฟ้า ทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จะเริ่มทดลองในเฟสที่ 3-4 กับ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถตุ๊กๆ สามล้อ โดยคาดว่าจะเริ่มทดลองได้ในช่วงปลายปี 2566 หรือต้นปี 2567 จากนั้นจะขยายการวิจัยไปที่การใช้งานกับ ‘รถยนต์ไฟฟ้า EVs’

.

โดยหากผลิต ‘แบตเตอรี่กราฟีน’ ได้สำเร็จ คนไทยเฮได้เลย! เพราะราคาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า จะถูกลงกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมที่ใช้ในปัจจุบันได้ราว 50-60% จากราคาตลาดลิเธียมที่แพงและต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

.

นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) จากการลดปริมาณวัสดุเหลือใช้ในประเทศ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

.

อย่างไรก็ตาม ทาง รศ.ดร.คมสัน มาลีสี รักษาการอธิการบดี สจล. กล่าวว่า วันที่ 27-29 เมยายนนี้ สจล. จะนำนวัตกรรม ‘แบตเตอรี่กราฟีน’ ไปจัดแสดงผลงานในงาน KMITL INNOVATION EXPO 2023 ภายในงานมีผลงานสิ่งประดิษฐ์ฝีมือคนไทย จำนวน 1,111 ชิ้น ที่น่าสนใจ เช่น ผ้าไหมไทยย้อมกราฟีนแบบใส่ในเมืองร้อนและเมืองหนาว เม็ดพลาสติกกราฟีน และระบบตรวจจับ Plasma Bubble ในชั้นบรรยากาศ และอื่น ๆ อีกมากมาย

.

ขอบคุณข้อมูลจาก

-KomChadLuek

http://bit.ly/40tO2BX

-Bangkokbiznews

http://bit.ly/3U1qrGm

.

#BangkokIloveYou

#มาร่วมสร้างกรุงเทพกัน

ความภูมิใจของคนไทย ร้านอาหารไทย Le Du ได้รับรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย

 ร้านอาหาร Le Du ในกรุงเทพฯ ได้รับรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย The Best Restaurant in Asia จากการจัดอันดับ Asia’s 50 Best Restaurants ที่ได้รับการสนับสนุนโดย S.Pellegrino & Acqua Panna งานประกาศรางวัลนี้ได้จัดขึ้นที่ Resorts World Sentosa ประเทศสิงคโปร์ การตัดสินรางวัลมาจากการโหวตของ Asia’s 50 Best Restaurants Academy ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลในวงการอาหารรวมกว่า 300 คน เช่น นักเขียนบทความอาหารและนักวิจารณ์ เชฟ ผู้ประกอบการร้านอาหาร และผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารในระดับภูมิภาค

 

ร้านอาหาร Le Du และ Nusara ในกรุงเทพฯ คว้าตำแหน่ง No.1 และ No.3 ไปครองตามลำดับ โดยร้าน Le Du ของเชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร นำเสนอรสชาติอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานกับแนวคิดของอาหารฝรั่งเศส เมนูอาหารของทางร้านเน้นการใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลและวัตถุดิบในท้องถิ่น ด้วยความเชื่อมั่นในคุณภาพของวัตถุดิบในไทย

.

ส่วนร้านอาหารที่รั้งตำแหน่ง No.2 คือร้าน Sezanne ในโตเกียว พร้อมกับควบตำแหน่งร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งประเทศญี่ปุ่น The Best Restaurant in Japan อีกหนึ่งตำแหน่ง

 

การคว้าตำแหน่ง No.1 ไปครองนี้ เท่ากับว่า ร้าน Le Du ได้รับตำแหน่งร้านอาหารยอดเยี่ยมควบสองตำแหน่งพร้อมกัน ได้แก่ ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย The Best Restaurant in Asia ที่ได้รับการสนับสนุนโดย S.Pellegrino & Acqua Panna และร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย The Best Restaurant in Thailand

 

William Drew ผู้อำนวยการฝ่ายคอนเทนต์ของ Asia’s 50 Best Restaurants กล่าวว่า เราขอแสดงความยินดีกับร้านอาหารทุกร้านที่ได้รับการจัดอันดับในปีนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เราขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับร้าน Le Du รวมถึงเชฟต้นและทีมงาน ซึ่งสามารถผสมผสานความมุ่งมั่นในการสืบสานวัฒนธรรมอาหารไทย ความเคารพต่อวัตถุดิบในท้องถิ่น และเทคนิคการทำอาหารที่ทันสมัยได้อย่างลงตัว จนส่งผลให้ร้านอาหารแห่งนี้เป็นผู้ชนะอย่างแท้จริงในการจัดอันดับครั้งนี้

 

ร้านอาหารที่ติดอันดับในปีนี้มาจาก 19 เมือง และมีร้านอาหารที่เข้ามาติดอันดับเป็นครั้งแรก 7 ร้าน

 

– Labyrinth (No.11) ในสิงคโปร์ กระโดดขึ้นมามากถึง 29 อันดับ จนคว้ารางวัล Highest Climber Award

– Avartana (No.30) ในเจนไน ได้รับรางวัล Highest New Entry Awardที่ได้รับการสนับสนุนโดย Aspire Lifestyles

– Toyo Eatery (No.42) ในมะนิลา คว้ารางวัล Flor de Cana Sustainable Restaurant Award

– Zen (No.21) ในสิงคโปร์ ได้รับรางวัล Gin Mare Art of Hospitality Award

– Louisa Lim จากร้าน Odette (No.6) ในสิงคโปร์ คว้ารางวัล Asia’s Best Pastry Chef ที่ได้รับการสนับสนุนโดยValrhona

– Della Tang จากร้าน Ensue (No.31) ในเซินเจิ้น คว้ารางวัล Beronia Asia’s Best Sommelier Award ที่มีการมอบเป็นครั้งแรก

– Hiroyasu Kawate จากร้าน Florilege (No.7) ในโตเกียว ได้รับรางวัล Inedit Damm Chefs’ Choice Award ไปครอง

สำหรับร้านอาหารที่เข้ามาติดอันดับเป็นครั้งแรกในปีนี้ประกอบด้วยร้าน Avartana (No.30) ในเจนไน, ร้าน Born (No.36) ในสิงคโปร์, ร้าน Metiz (No. 48) ในมะนิลา, ร้าน Refer (No.50) ในปักกิ่ง รวมถึงร้าน Ms. Maria & Mr. Singh (No.33), ร้าน Potong(No.35) และ Baan Tepa (No.46) ในกรุงเทพฯ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ซาอุ! เที่ยวไทยพุ่ง ไทยโกย 1.2 หมื่นล้าน คาดนทท. ปีนี้ แตะ 1.5 แสนคน

การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ผ่านมากว่า 1 ปีจนถึงปัจจุบัน ส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวของไทยอย่างชัดเจน หลังจาก 32 ปีที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียไม่อนุญาตให้พลเรือนเดินทางมายังประเทศไทยสำหรับการท่องเที่ยวแต่อนุญาตให้เดินทางเฉพาะเพื่อการรักษาพยาบาล การติดต่อเจรจาธุรกิจ/ราชการเท่านั้น
นักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียตลาดดาวรุ่งท่องเที่ยวไทย

 

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ททท.ให้ความสำคัญในการทำตลาดเชิงรุกสำหรับนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากเป็นตลาดดาวรุ่ง (Emerging Markets) ที่มีกำลังซื้อสูง และเดินทางเป็นครอบครัวใหญ่ นิยมเดินทางมาประเทศไทยเพื่อใช้บริการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และรักษาพยาบาล จุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยม ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา พังงา และกระบี่ ทั้งนี้ในปัจจุบันการบินไทย เเละสายการบิน Saudia ให้บริการเที่ยวบินตรงมาไทย จากเมืองริยาด เเละเจดดาห์ และมีเที่ยวบินต่อเครื่องในตะวันออกกลาง โดยสายการบินเอมิเรสต์ กาตาร์ แอร์เวย์ส และเอทิฮัด แอร์เวย์ส

 

ซาอุฯเที่ยวไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้ในปี 2565 ไทยมีนักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบีย 96,389 คน ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สร้างรายได้มากกว่า 8,000 ล้านบาท และทิศทางยังแรงต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-12 มี.ค.2566 มีนักท่องเที่ยวซาอุฯ เดินทางเข้าไทยเเล้ว 20,693 ราย สำหรับในปี 2566 ททท.คาดการณ์เป้านักท่องเที่ยวซาอุฯ อยู่ที่ราว 150,000 คน ประมาณการค่าใช้จ่ายต่อทริป รายละประมาณ 80,000 บาท คาดว่าจะสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวกว่า 12,000 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ มีปัจจัยเชิงบวกที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการเจรจาปรับปรุงสิทธิการบินของไทยและซาอุดีอาระเบีย ที่กำหนดเพิ่มเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสาร จากเดิมฝ่ายละ 9 เที่ยว/สัปดาห์ เป็นฝ่ายละไม่เกิน 42 เที่ยว/สัปดาห์
เที่ยวบินเข้าไทยพุ่งหลังปรับปรุงสิทธิการบินไทย-ซาอุ

 

ประโยชน์ในการปรับปรุงสิทธิการบิน จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้การบินทั้ง 2 ฝ่าย มีความคล่องตัว เพิ่มความยืดหยุ่นในการวางแผนการตลาดให้การบริการเกิดความคุ้มทุนมากขึ้น และอำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกแก่ผู้โดยสารด้วย โดยมีกำหนดเพิ่มเที่ยวบินเส้นทางเจดดาห์-กรุงเทพฯ ของสายการบิน Saudia ในเดือนมี.ค.นี้ จาก 7 เที่ยว เป็น 11 เที่ยว/สัปดาห์ กำหนดการเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ โดยสายการบิน Saudia เส้นทาง เจดดาห์-ภูเก็ต ในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้ ททท.เน้นทำตลาดเชิงรุก

 

นายยุทธศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่า สำหรับการทำตลาดททท.จะเน้นทำตลาดเชิงรุกทั้งในระดับ B2B และ B2Cโดยในเดือนพ.ค.นี้ จะจัดกิจกรรม Post ATM Road Show to Jeddah -Riyadh-Dammam ระหว่างวันที่ 7-11 พ.ค.2566 ณ เมืองเจดดาห์, กรุงริยาด และเมืองดัมมัม เปิดรับสมัครเอกชนไทย 60 ราย กระตุ้นการขายการท่องเที่ยวในช่วงหลังเดือนรอมฎอน (ปลายมี.ค.-เม.ย. 2566)โดยมองเป้าหมายขยายโอกาสทางการตลาดไปยังเมืองขนาดใหญ่ต่างๆ ในซาอุดีอาระเบีย และต่อยอดจากการเข้าร่วมงาน Arabian Travel Mart 2023 ระหว่างวันที่ 1-4 พ.ค.66 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

 

รวมทั้งยังมีแผนร่วมงานกับสายการบิน Saudia และการบินไทย ซึ่งให้บริการเที่ยวบินตรง โดยจัดกิจกรรมเสนอขาย Joint Sales Promotion ผ่านช่องทาง Online & Social Media ภายใต้แนวคิด WHY Thailand นำเสนอประเทศไทยในมุมมองใหม่ เพื่อเจาะกลุ่ม Arab Millennials & FIT และกิจกรรม Agents / Influencers Fam Trip สร้างการรับรู้และความคุ้นเคยกับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทย อีกทั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2566 ทางซาอุดีฯ มีการประกาศจัดตั้งสายการบินแห่งชาติแห่งใหม่ ในชื่อ Riyadh Air ดำเนินงานโดยกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย (PIF หรือ Public Investment Fund) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดมายังไทยในอนาคตเพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

ที่มา : Ar-pae.com

ไทยชนะโหวต การ์ตา ได้รับเลือก! ให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2569

15 มีค.66 ไทยชนะโหวต การ์ตา ในรอบสุดท้ายที่คัดเหลือแข่งกันเพียง2 ประเทศ ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2569 ระหว่างวันที่ 16-18 ต.ค. 2569 ซึ่งจะมีผู้เดินทางมาร่วมประชุม ซึ่งเป็นผู้บริหารการเงินระดับสูง จากทั่วโลกมาถึง 14,000 คน ประเทศที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพ ในครั้งนี้มีถึง 5 ประเทศ เป็นประเทศร่ำรวยมาก ถึง3 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย UAE  กาตาร์  และกรีซกับไทย

ทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และประธานมูลนิธิอมตะ เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ 70 นับเป็นวาระสำคัญของการวางแผนชีวิต เพื่อส่งต่อความมั่นคงต่อการดำเนินงานของมูลนิธิอมตะอย่างไม่สิ้นสุด จึงทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สินส่วนตัวให้กับมูลนิธิอมตะมูลค่ากว่า 95 % ของทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่มูลค่า 20,000 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน อาคาร คอนโดมิเนียม หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนทรัพย์สินส่วนตัวอื่นๆ เพื่อให้เป็นสาธารณประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของการก่อตั้ง อันจะนำไปสู่หนึ่งในกลไกการยกระดับคุณภาพสังคม สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจไทย

.

สำหรับมูลนิธิอมตะก่อตั้งเมื่อ 27 ปีที่แล้วโดยคุณวิกรม กรมดิษฐ์ มีโครงการภายใต้วัตถุประสงค์ เช่น โครงการรางวัล “นักเขียนอมตะ”, โครงการทุนเรียนดี, โครงการประกวดศิลปกรรม “อมตะ อาร์ต อวอร์ด” โครงการด้านนวัตกรรม, โครงการหนังสือดีมีประโยชน์สร้างการเปลี่ยนแปลง และโครงการปรับปรุงอุทยานเขาใหญ่สู่อุทยานมาตรฐานโลกภายในเวลา 10 ปี ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นสู่ธุรกิจ ผมยึดมั่นในเป้าหมาย All Win และความมุ่งมั่นของการทำแต่สิ่งดีงามให้ไว้กับทุกคนมาโดยตลอด โดยเฉพาะเมื่อประสบความสำเร็จในธุรกิจการงานแล้วก็ควรแบ่งผลกำไรกลับคืนสู่สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมที่มีคุณภาพน่าอยู่เช่นประเทศที่เจริญแล้ว ซึ่งผมได้นำประสบการณ์ชีวิตตั้งแต่วัยเด็กมาเรียบเรียง มาถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือพิมพ์เผยแพร่ไปแล้วกว่า 11.6 ล้านเล่ม เพื่อให้สังคมสามารถเรียนรู้ และนำไปปรับใช้ได้ในโอกาสต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น

.

ดังนั้นการทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สินในครั้งนี้ นับเป็นความตั้งใจของผมหลังจากที่ได้ เรียนรู้ ฝึกฝนชีวิตกับวิกฤตต่าง ๆ จนขับเคลื่อนให้ธุรกิจกลุ่มอมตะประสบความสำเร็จในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมให้เป็นเมืองนวัตกรรมเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ด้วยแนวคิดที่เห็นว่า เราเกิดมาจากศูนย์ และจากไปเป็นศูนย์ ระหว่างศูนย์เราควรสร้างสรรค์สิ่งที่มีประโยชน์และคุณค่าฝากไว้ให้กับสังคมในระยะยาวตลอดไป

.

ที่มา : มติชนออนไลน์

.

#BangkokIloveYou

#มาร่วมสร้างกรุงเทพกัน


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Bangkok I Love You
Take Me Top