Wednesday, 7 June 2023
Bangkok I love you

ให้ความรู้แก่ยุวทูต CEO ปตท. บรรยายพิเศษ ด้านพลังงานและภูมิรัฐศาสตร์แก่ยุวทูตคุณธรรม

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เสริมความรู้ด้านพลังงานให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ใน “การประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาแกนนําเด็กและเยาวชนเพื่อเป็นยุวทูตคุณธรรมในศตวรรษที่ 21” ในหัวข้อ “ความมั่นคงทางพลังงานกับภูมิรัฐศาสตร์” โดยกล่าวถึงความเชื่อมโยงระหว่างภูมิรัฐศาสตร์ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อพลังงานของประเทศและของโลก รวมถึงภารกิจหลักของ ปตท. ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในแก่คนไทยท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป
.
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงการต่างประเทศเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สถานการณ์โลก ให้กับสภาเด็กและเยาวชน ชมรมเด็กและเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ เครือข่ายเด็กพิการ ผู้นำเด็กและเยาวชนจากทั่วประเทศ เพื่อนำไปพัฒนาขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยในอนาคต

ปตท. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมทางด้านกีฬา

นางกนกพร รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ให้การต้อนรับและมอบกำลังใจแก่คณะนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย จากสโมสรแบดมินตันที ไทยแลนด์ ก่อนเข้าร่วมการแข่งขันรายการ เอเชีย มิกซ์ ทีม แชมป์เปี้ยนชิพ หรือ ทีมผสม   ชิงแชมป์เอเชีย 2023 ในระหว่างวันที่ 14 – 19 กุมภาพันธ์ 2566 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
.
ปตท. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมทางด้านกีฬา โดยมุ่งสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาไทยและพร้อมส่งกำลังใจให้สามารถก้าวสู่อันดับโลกตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อันจะนำมาซึ่งความภาคภูมิใจของประเทศและประชาชนคนไทยต่อไป

เพื่อเพื่อนร่วมโลก ทีมกู้ภัย กลุ่ม ปตท. เร่งเดินทางช่วยเหลือ เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในตุรกี-ซีเรีย

วันนี้ (10 กุมภาพันธ์ 2566) - นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศตุรกีและซีเรีย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบรุนแรงเป็นวงกว้าง ประชาชนหลายล้านคนเดือดร้อนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น 
.
สมาชิกชมรม PTT Group SEALs กลุ่ม ปตท. ได้แก่ บริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด หรือ NPC S&E ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการช่วยเหลือเหตุภัยพิบัติ ได้ส่งทีมปฏิบัติการ พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ครบชุด เพื่อช่วยเหลือเรื่องการตรวจสอบสารเคมีในจุดเกิดเหตุ ก่อนดำเนินการค้นหาช่วยเหลือกู้ภัย โดยทีมปฏิบัติการเข้าร่วมภารกิจเดินทางไปพร้อมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในนามรัฐบาลไทย ภายใต้บันทึกข้อตกลงโครงการ Urban Search and Rescue (USAR) เพื่อให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดภัยพิบัติทั้งภายในและต่างประเทศ มีกำหนดปฏิบัติภารกิจเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 9 – 19 กุมภาพันธ์ 2566
.
กลุ่ม ปตท. ขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในตุรกีและซีเรีย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในเร็ววัน

ยกระดับคุณภาพชีวิต ปตท. สนับสนุนคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชฯ มอบ 5 ล้าน สมทบรักษาผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ นางนิวดี เจริญสิทธิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่รัฐกิจสัมพันธ์ และนางกนกพร รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) สนับสนุนงบประมาณแก่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ขาดแคลนทุนทรัพย์จำนวน 5 ล้านบาท โดยมี รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช และ อ.นพ.สุชาย ศรีทิพยวรรณ หัวหน้าโครงการวิจัย สาขาวิชาวักกะวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล ร่วมรับมอบ
.
ปตท. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพของประชาชน พร้อมสนับสนุนและเคียงข้างคนไทยในทุกวิกฤต และขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการทำงานของทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม!!! ‘ปตท.’ มุ่งผลักดันเปลี่ยน ‘ขยะ’ เป็นทรัพยากรคุณภาพ ร่วมขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ ของไทย

ปตท. มุ่งพัฒนาศักยภาพ “ขยะ” ต่อยอดเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ร่วมขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ (BCG Model) ของประเทศไทย
.
จากวัสดุเหลือทิ้ง หรือ “ขยะ” ที่ถูกมองข้าม ปตท. โดยทีมนักวิจัย จากสถาบันนวัตกรรม และ บริษัท เอช จี เนกซ์ จำกัด จับมือร่วมพัฒนาต่อยอดจนได้ทางออกที่สมบูรณ์ให้กับผู้ที่อยากเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นทรัพยากรทดแทนที่มีคุณค่า เติมเต็มช่องว่างของการค้นหาทรัพยากรใหม่ ๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัดในปัจจุบัน
.
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดพิธีเปิดงานนิทรรศการ “Waste is MORE” โดยมี นายเชิดชัย 
บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นให้เห็นถึงมิติของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านการพัฒนาศักยภาพของ “ขยะ” ที่ถูกมองว่าไร้ค่า ให้กลายเป็นวัสดุทดแทนที่ “ไม่ไร้ค่า” อีกต่อไป โดย ปตท. พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันศักยภาพของนวัตกรรมการวิจัย และการออกแบบของคนไทย ให้เติบโตไปแข่งขันในเวทีระดับโลก ทั้งยังคำนึงถึงความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน
.
นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยใช้รูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมใน 3 มิติไปพร้อมกัน อันประกอบไปด้วย เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) หรือ BCG ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมชุมชนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) ปตท. ตระหนักถึงความสำคัญของการเสริมสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ จึงได้จัดตั้งโครงการ MORE ร่วมกับ บริษัท เอช จี เนกซ์ จำกัด โดยมุ่งมั่นพัฒนางานวิจัยและออกแบบวัสดุเหลือใช้ต่าง ๆ ให้สามารถนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยนวัตกรรมการพัฒนาวัสดุด้วยกระบวนการ Upcycling วัสดุเหลือใช้ให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณค่าและมูลค่าเพิ่มขึ้น
.
ความตั้งใจของโครงการ MORE โดย ปตท. ในการใช้นวัตกรรมเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นทรัพยากรทดแทน โดยร่วมตีความวัสดุเหลือทิ้ง ได้แก่ เยื่อกาแฟ เศษใบอ้อย ฝุ่นไม้ อะลูมิเนียมฟอยล์จากกล่องยูเอชที ฝุ่นผ้า เศษแผ่น PVC ฝาขวดน้ำ เปลือกไข่ ร่วมกับ 8 นักออกแบบ ได้แก่ MORE, o-d-a, NUTRE JEWELLER, Kitt.ta.khon, mitr., TAKORN TEXTILE STUDIO, Designerd และ Spirulina Society ในการสรรสร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความมุ่งหวังของ ปตท. ในการผลักดันให้เศรษฐกิจ BCG ของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังหวังผลให้เกิดการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำให้กับเกษตรกรและชุมชนอีกด้วย โดยนิทรรศการ Waste is MORE นี้ เป็นส่วนหนึ่งของงาน Bangkok Design Week 2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 - 12 กุมภาพันธ์ 2566 ณ อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้สนใจสามารถติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page : waste.wasteismore

ร่วมด้วยช่วยกัน ปตท. ร่วมแก้วิกฤตฝุ่น PM 2.5 ไฟเขียวพนักงาน 7 จว. Work from Home

วันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2566) - นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ
ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)  กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด ทำให้ฝุ่นละออง
สะสมตัวมากขึ้น และส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานของคนไทย เราตระหนักถึงปัญหาจึงมีนโยบายให้พนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยา ระยอง ราชบุรี และขอนแก่น ปฏิบัติงานในที่พัก (Work from Home) ระหว่างวันที่ 3 – 5 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อร่วมลดผลกระทบที่เกิดจากการสัญจร
.
ทั้งนี้ ปตท. ยึดมั่นดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชม และสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)
ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) ซึ่งเร็วกว่าที่ประเทศกำหนด ด้วยกลยุทธ์เชิงรุก 
​.
“ปรับ เปลี่ยน ปลูก” ปรับกระบวนการผลิต ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการให้ได้สูงสุด เปลี่ยนสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มสัดส่วนการลงทุนโดยมุ่งธุรกิจพลังงานสะอาด
อาทิ พลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ปลูกป่าเพิ่ม 2 ล้านไร่ โดย ปตท. เป็นแกนหลักในการปลูก 1 ล้านไร่ ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030)
และกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศด้วยวิธีทางธรรมชาติ 

ปตท. พร้อมดำเนินการในทุกมิติเพื่อเป็นส่วนหนี่งในการช่วยลดปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 
ที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และจะอยู่เคียงข้างคนไทยเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ต่อยอด Soft Power กลุ่ม ปตท. ชู เทคโนโลยีดิจิทัลหนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ร่วมผลักดันส่งออกคอนเทนต์ไทยคุณภาพสู่เวทีสากล

กลุ่ม ปตท. ร่วมขับเคลื่อน Soft Power ไทย ดันเทคโนโลยีดิจิทัลหนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมส่งออกคอนเทนต์ไทยคุณภาพสู่เวทีสากล 
.
จับมือพันธมิตรต่อยอดต้นทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย สนับสนุน ‘ระบบนิเวศสร้างสรรค์’ ผ่านอุตสาหกรรมคอนเทนต์ มุ่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้ได้มาตรฐานสากล รองรับการผลิตคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดโลก เพื่อพัฒนารายได้และคุณภาพชีวิตคนไทย ยกระดับเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน
.
3 กุมภาพันธ์ 2566 – นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ซอฟท์พาวเวอร์ (Soft Power) เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการแพร่ขยายอิทธิพลทางค่านิยม หรือ วัฒนธรรม ที่นานาประเทศผลักดันให้เป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ปตท. เล็งเห็นถึงโอกาสของการต่อยอดแนวคิดดังกล่าว เพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงานให้พร้อมรับการแข่งขันบนเวทีโลก ด้วยวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond” จึงจัดตั้งโครงการ Soft Power for Better Thailand ขึ้น เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยยกระดับการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทย หรือ เสน่ห์ไทย ที่เกิดจากวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีปฏิบัติอันเป็นภูมิปัญญาของประเทศไทย ที่อยู่ในความสนใจของชาวต่างชาติ ซึ่งนอกจากจะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจที่จะสามารถดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพื่อขยายฐานอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Industry) ในประเทศไทย ที่จะช่วยสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลังสถานการณ์โรคติดเชื้อ COVID-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกได้อีกทางหนึ่งด้วย 
.
“ปตท. จับมือพันธมิตรภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งจาก บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV) บริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีด้านซอฟท์พาวเวอร์ ผ่านการนำเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ไทย ภายใต้แนวคิด TECH CREATE FUN คือ การนำเทคโนโลยี (TECH) เช่น Virtual Reality, Augmented Reality, Drone และ Metaverse เป็นต้น มาเสริมศักยภาพในการสร้างสรรค์ผลงาน (CREATE) เช่น ภาพยนตร์ ดิจิทัลคอนเทนต์  หรือ งานศิลปะ เพื่อให้ทั้งผู้สร้างสรรค์ผลงานและผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีขึ้น (FUN) รวมไปถึงยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ในการจัดกิจกรรมเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทย ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมคอนเทนต์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล  ทั้งการพัฒนาทักษะบุคลากร การสนับสนุนด้านทรัพยากรและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง โดยมียุทธศาสตร์สำคัญในการดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่ 
.
1. สร้างคอนเทนต์ไทยสู่สากล ผ่านโครงการ Content Lab โดยร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) (CEA) จัดโปรแกรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการการใช้งานเทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับผลิตภาพยนตร์ ซีรีส์ งานโฆษณา งานอีเวนต์ และเกม ให้กับนักเรียน นักศึกษา นักสร้างอนิเมชั่น และบุคคลทั่วไปที่สนใจ เพื่อต่อยอดการสร้างสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) สำหรับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ทันสมัยเทียบเท่ามาตรฐานระดับสากล รวมถึงได้รับประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีการถ่ายทำชั้นนำของประเทศไทย โดยจะมีกิจกรรม Open House โครงการในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้
.
 2. สร้างบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ผ่านโครงการ TGIF - Technology is Fun โดยนำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในการยกระดับซอฟท์พาวเวอร์ จัดแสดงที่มหาวิทยาลัย 11 แห่งทั่วประเทศ ในช่วงเดือนมีนาคม - กันยายน 2566 เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา ได้มีโอกาสเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่จะสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นซอฟท์พาวเวอร์ของประเทศได้ในเชิงพาณิชย์ 
.
และ 3. จัดแสดงศักยภาพซอฟท์พาวเวอร์ด้านศิลปะไทย ผ่านนิทรรศการ “Locating the Locals: A Virtual Exhibition by PTT” โดยคัดเลือกผลงานบางส่วนจากการจัดประกวดศิลปกรรม ปตท. ที่เคยได้รับรางวัลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 นำออกจัดแสดงอีกครั้ง โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ชมบนพื้นที่จัดแสดงศิลปะแบบเสมือนจริง (Virtual Art Gallery) ซึ่งนอกจากการจัดแสดงครั้งแรก ณ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ เมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ได้การตอบรับเป็นอย่างดีแล้ว นิทรรศการนี้จะมีการจัดแสดงขึ้นอีกในงาน Bangkok Design Week 2023 ณ River City Bangkok ระหว่างวันที่ 4 - 12 กุมภาพันธ์ 2566 และ Isan Creative Festival 2023 ณ จ.ขอนแก่น ระหว่างวันที่ 1 - 9 เมษายน 2566 ซึ่งผู้สนใจยังสามารถชมนิทรรศการในโลกเสมือนที่ virtualspacebyptt.com ได้อีกด้วย”
.
ความร่วมมือในการสนับสนุนการพัฒนาซอฟท์พาวเวอร์ไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้ ปตท. ทดสอบความเป็นไปได้ในการสร้างธุรกิจและการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจสำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์แล้ว  ยังเป็นอีกหนึ่งกลไกที่จะช่วยยกระดับห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยให้ทัดเทียมสากล ช่วยให้ประเทศไทยมีศักยภาพไปสู่การเป็นศูนย์กลางของการผลิตคอนเทนต์สร้างสรรค์ของอาเซียน ที่จะเพิ่มรายได้ให้ประเทศ เพิ่มการจ้างงานใหม่ในสาขาครีเอทีพและดิจิทัลได้ในระยะยาว อันจะเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

สายสุขภาพห้ามพลาด ปตท. หนุนกิจกรรมเดิน-วิ่ง OLYMPIC DAY 2023 ร่วมกระตุ้นออกกำลังกายสร้างสังคมใส่ใจสุขภาพ

ปตท. ส่งเสริมสุขภาพคนไทย พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ สนับสนุนกิจกรรมเดิน-วิ่ง OLYMPIC DAY 2023 ใน 4 จังหวัด
.
นางกนกพร รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) (ที่ 2 จากขวา) ร่วมงานแถลงข่าวพร้อมสนับสนุนการจัดกิจกรรม “เดิน - วิ่ง OLYMPIC 2023” ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิระ รองประธานกรรมการ โอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประธานอนุกรรมการฝ่ายกีฬาเพื่อมวลชนและสิ่งแวดล้อม ประธานจัดการแข่งขัน  เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายเพื่อรักษาสุขภาพ
.
ทั้งนี้ ปตท. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมด้านกีฬา โดยได้สนับสนุนการจัดกิจกรรม เดิน - วิ่ง OLYMPIC มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมมุ่งหวังให้คนไทยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และสร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย รวมทั้งยังเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศเพื่อกระจายรายได้สู่ภูมิภาค เนื่องจากในปีนี้กำหนดจัดการแข่งขันใน 4 จังหวัด ได้แก่ จ.น่าน จ.มุกดาหาร จ.เชียงใหม่ และ จ.กาญจนบุรี เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น

ซอสซ่อนผัก นวัตกรรมใหม่ เพื่อคนรักสุขภาพ จาก ม.มหิดล และอินโนบิก

สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ร่วมลงนามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิเพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย “ซอสซ่อนผัก และ ซอสซ่อนผักสูตรเด็ก” นวัตกรรมคิดค้นและพัฒนาโดยนักวิจัย สถาบันโภชนาการ อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามิน แร่ธาตุ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ และใยอาหาร เป็นทางเลือกให้กับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยว และเด็กๆที่อาจไม่ชอบรับประทานผักได้มีสารอาหารที่พียงพอรวมถึงยังเป็นทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพอีกด้วย งานวิจัย “ซอสซ่อนผัก” ได้รับการยอมรับโดยได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการในต่างประเทศ จากผลการทดสอบในกลุ่มผู้นิยมบริโภคอาหารปิ้งย่าง เพื่อศึกษาการกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย ที่มักปนมากับส่วนที่ไหม้เกรียมจาการปิ้งย่าง พบว่าการรับประทานซอสซ่อนผักในปริมาณพอเหมาะ จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการได้รับสารก่อมะเร็งได้อีกด้วย
.
ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า อินโนบิก (เอเซีย) ดำเนินธุรกิจโภชนาการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วย และโภชนเภสัช โดยมุ่งเน้นการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ร่วมกับพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อส่งเสริมดูแลสุขภาพของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม ให้มีโภชนาการที่ดีและป้องกันโรคต่างๆ  ที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการบริโภคตามวิถีชีวิตสมัยใหม่ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อร่างกายในอนาคต ทั้งนี้ เรื่องโภชนาการถือเป็นสาเหตุหลักของความมั่นคงทางด้านสุขภาพและอาหารที่อินโนบิกให้ความสำคัญ การร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพด้านการวิจัยอย่าง สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลครั้งนี้ เป็นการต่อยอดนวัตกรรมงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ สู่การสร้างผลิตภัณฑ์ของคนไทย โดยมีแผนการผลิตซอสสูตรต้นตำรับและสูตรสำหรับเด็กที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย นำร่องจำหน่ายผลิตภัณฑ์บรรจุในรูปแบบซอง ตั้งเป้าออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 เพื่อเพิ่มทางเลือกการทานอาหารให้กับคนไทยทุกวัย ให้ได้รับประโยชน์ ถูกปาก และสะดวกต่อการรับประทาน อีกทั้งวัตถุดิบในการผลิตซอสซ่อนผักนั้น ยังเป็นผลผลิตจากเกษตรกรไทย ถือเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทย
.
รองศาสตราจารย์ ดร. ชลัท ศานติวรางคณา ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า 
ผลงานวิจัย “ซอสซ่อนผัก” โดยรองศาสตราจารย์ ดร.ทพญ. ดุลยพร ตราชูธรรม อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล เกิดจากโจทย์วิจัยว่า ปัจจุบันคนไทยมีพฤติกรรมส่วนใหญ่กินผักผลไม้ไม่เพียงพอ คือ กินผักผลไม้ไม่ถึง 5 ส่วนต่อวันหรือไม่ถึง 400 กรัมต่อวัน ตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ จากผลสำรวจพบว่ามีคนไทยเพียงประมาณ 4 ใน 10 คน ที่กินผักผลไม้เพียงพอตามเกณฑ์แนะนำในแต่ละวัน ขณะที่เด็กวัยเรียนเพียง 2-3 คน จาก 10 คนเท่านั้นที่กินผักและผลไม้เพียงพอ ซึ่งการจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้หันมากินผักผลไม้มากขึ้นเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก การนำผลิตภัณฑ์อาหารที่คนนิยมรับประทานอยู่แล้วมาพัฒนาต่อยอด เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ดังเช่น ในรูปของซอสที่สามารถรับประทานได้กับอาหารประเภทต่างๆได้หลากหลาย จึงเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนไม่ชอบกินผัก โดยเฉพาะเด็กเล็ก หรือผู้สูงวัยที่มีปัญหาการบดเคี้ยว ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นตัวอย่างความร่วมมือของสถาบันโภชนาการกับภาคเอกชน เพื่อทำให้ผลงานการวิจัยด้านอาหารและโภชนาการสามารถขยายผลสู่วงกว้าง เข้าถึงประชาชนคนไทยได้ง่ายขึ้น 
.
สถาบันโภชนาการ เชื่อมั่นว่าความสำเร็จในการผลิตและการตลาดของผลิตภัณฑ์ทั้งสองในวันข้างหน้า ซึ่งเริ่มต้นจากพิธีในวันนี้ จะเป็นก้าวแรกของการทำงานร่วมกัน ผสานจุดแข็งของทั้งสองฝ่าย นำผลงานวิจัยของสถาบันโภชนาการ ไปสู่ประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต สร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภค 
.
รองศาสตราจารย์ ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ผู้อำนวยการบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม กล่าวว่า การลงนามอนุญาตให้ใช้สิทธิเพื่อการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซอสซ่อนผักและซอสซ่อนผักสูตรเด็ก อันเป็นผลงานวิจัยของ
รองศาสตราจารย์ ดร. ทันตแพทย์หญิง ดุลยพร ตราชูธรรม และคณะ ซึ่งประกอบด้วย อาจารย์ นักวิจัย และนักศึกษา 
สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล นับเป็นอีกก้าวของความสำเร็จจากการนำเอาทรัพย์สินทางปัญญาของมหาวิทยาลัยมหิดล ไปสร้างสรรค์นวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ได้จริงในระดับอุตสาหกรรม โดยการอนุญาตให้ใช้สิทธิ หรือ Licensing 
.
ทรัพย์สินทางปัญญาดังกล่าวแก่ บริษัท อินโนบิก นูทริชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำและคร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจโภชนเภสัช (Nutraceutical) ด้านโภชนาการอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ
ในนามของสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ iNT (อิ๊นท์) มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา มีความมุ่งมั่น ตั้งใจในการส่งเสริมการสร้างความร่วมมือ และผลักดันผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยมหิดลให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงทั้งในเชิงพาณิชย์และในเชิงสาธารณประโยชน์ พร้อมทั้งพัฒนาและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนต่อไป 

เรียนเชิญทุกท่านมาร่วมงานเนื่องในวาระ 8 ทศวรรษ อาจารย์ช่วง มูลพินิจ

นิทรรศการ "แดนสนธยา ๓ : Twilight Zone 3" เนื่องในวาระ 8 ทศวรรษ อาจารย์ช่วง มูลพินิจ ผลงานโดย อาจารย์ช่วง มูลพินิจ (Chuang Moolpinit) จัดแสดงระหว่างวันที่ 24 มกราคม - 12 กุมภาพันธ์ 2566 และจะมีพิธีเปิดในวันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2566 ณ ห้องสตูดิโอ ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร : back
.
เรียนเชิญทุกท่านมาร่วมงานเนื่องในวาระ 8 ทศวรรษ อาจารย์ช่วง มูลพินิจ
.
งานจัดที่ ห้องสตูดิโอ ชั้น 4 หอศิลป์ กทม.
ระหว่างวันที่ 24 ม.ค. - 12 ก.พ.2566
.
พิธีเปิดนิทรรศการวันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2566
โดย คุณชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้เกียรติเป็นประธาน
.
ในงานมีจำหน่ายหนังสือรวบรวมผลงานและภาพพิมพ์ที่ระลึก
.
http://exhibition.contestwar.com/node/3094
https://www.bacc.or.th/event/3126.html


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Bangkok I Love You
Take Me Top