Wednesday, 7 June 2023
Bangkok I love you

จุดบริการทั่วไทย!! ‘ออน-ไอออน’ เปิดสถานีชาร์จไฟฟ้า EV เต็มรูปแบบ พร้อมเชื่อมความสุข ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขา

ออน-ไอออน เปิดให้บริการสถานีชาร์จไฟ EV ด้วยพลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบแล้ววันนี้ ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขา พร้อมเชื่อมต่อความสุข ให้ทุกการเดินทางไม่สะดุด ด้วยจุดบริการทั่วไทย

.

วันนี้ (18 มกราคม 2566) – นายเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ซ้าย) พร้อมด้วย นายโทรณ หงศ์ลดารมภ์ Head of EV Charger Business บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) (ขวา) ร่วมพิธีเปิดให้บริการสถานีอัดประจุสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ภายใต้แบรนด์ ออน-ไอออน (on-ion EV Charging Station) ในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พร้อมให้บริการชาร์จไฟแก่รถยนต์ไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด เชื่อมต่อความสุข เดินทางไม่สะดุด จุดบริการทั่วไทย ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว กรุงเทพฯ

.

on-ion EV Charging Station พร้อมให้บริการเต็มรูปแบบในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขาได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ เซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต เซ็นทรัล อยุธยา เซ็นทรัล บางนา เซ็นทรัล พระราม 2 เซ็นทรัล วิลเลจ สุวรรณภูมิ เซ็นทรัล เวสต์เกต เซ็นทรัล อุดรธานี เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ เซ็นทรัล ศาลายา เซ็นทรัล ลาดพร้าว เซ็นทรัล โคราช เซ็นทรัล พระราม 3 และ เซ็นทรัล พระราม 9 และพร้อมให้บริการอีก 20 สาขาทั่วประเทศเร็ว ๆ นี้ ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถควบคุมการใช้งานผ่าน on-ion Mobile Application ทั้งจากระบบ Android และ iOS นอกจากนี้ ออน-ไอออน ยังร่วมกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล มอบโปรโมชั่น “ช้อปดี ชาร์จฟรี 1 ชั่วโมง” ให้แก่ลูกค้าที่ใช้จ่ายในศูนย์การค้าครบ 800 บาทต่อวัน (รวมใบเสร็จได้) นำใบเสร็จมาแลกคูปองส่วนลดเครดิตชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 1 ชั่วโมงฟรี มูลค่า 60 บาท ได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลแต่ละสาขา ที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2566 หรือจนกว่าจะครบจำนวนสิทธิ์

.

ออน-ไอออน ร่วมกับ เซ็นทรัลพัฒนา พร้อมสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้แพร่หลาย เพื่อกลายเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป

 

ปตท.จัดกิจกรรมวันเด็ก นำเสนอโลก เสมือนใหม่ ภายใต้แนวคิด INNOVERSE

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมผู้บริหารระดับสูง กลุ่ม ปตท. ร่วมเปิดกิจกรรมวันเด็ก ณ อาคารสำนักงานใหญ่ ปตท. ถ.วิภาวดีรังสิต กทม. เพื่อเป็นของขวัญต้อนรับเด็ก ๆ ทุกคน หลังจากงดจัดกิจกรรมกว่า 2 ปี ตั้งแต่ปี 2563 จากสถานการณ์โควิด-19

.

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา กลุ่ม ปตท. ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเยาวชนไทยในหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้เด็กไทยทุกคนได้มีความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ ผ่านกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ของกลุ่ม ปตท. อย่างต่อเนื่อง รวมถึงกิจกรรมวันเด็กในวันนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่กลุ่ม ปตท. ตั้งใจสร้างสรรค์ ภายใต้หัวข้อ “INNOVERSE ขับเคลื่อนพลังสู่อนาคต” ซึ่งเป็นการรวบรวมสิ่งที่น่าสนใจของกลุ่ม ปตท. มานำเสนอแก่เด็กเยาวชนในโลกเสมือนจริง

ภายในงานปีนี้ มีกิจกรรมหลากหลายที่ส่งเสริมการเรียนรู้นวัตกรรมพลังงานและเปิดโลกเทคโนโลยีแห่งอนาคต ที่เรียกว่า Metaverse ผ่านเทคโนโลยี VR AR และการสแกน QR Code เพื่อค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม ให้เด็ก ๆ ได้ท่องโลกผ่าน 6 ฐานกิจกรรม ได้แก่ ฐานกิจกรรม PTT Innoverse ฐานกิจกรรมตะลุยโลก Innoverse 3D ฐานกิจกรรมท่องโลกสีสันใต้ทะเลกับพี่ก๊อดจิ ฐานขับดีมีสุข ฐานดูหนังกับพี่ก๊อดจิ และตื่นตากับการชมนิทรรศการศิลปะจากกล้อง VR ผ่านบูธกิจกรรม PTT Virtual Art Gallery ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของโลกยุคปัจจุบันที่ก้าวไปข้างหน้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย ซึ่งเด็กและเยาวชน ในฐานะผู้เป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต ย่อมต้องติดตามและเรียนรู้เรื่องราวใหม่ ๆ เพื่อให้เติบโตได้อย่างมีคุณภาพและมีความสุข โดยไม่ละทิ้งการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าและมีประสิทธิภาพ เพื่อจุดประกายความคิดให้เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ร่วมกัน

.

โดยบริษัทในกลุ่ม ปตท. 6 บริษัท ได้แก่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ได้มาเข้าร่วมให้ความรู้และความสนุก ผ่านบูธกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กิจกรรม Interactive Running เกม “วิ่งเพิ่มพลัง” และ Touchscreen เกม "ลดโลกร้อน" เพื่อมุ่งเน้นให้เยาวชนตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเรียนรู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสู่วิธีการใช้ชีวิตอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พิชิตเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น

.

นอกจากนี้ ยังมีนักเรียนยากจนพิเศษที่ได้รับทุนการศึกษาจากโครงการ PTT Virtual Run ลมหายใจเพื่อน้อง ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เมื่อปี 2565 และนักเรียนที่อยู่บริเวณรอบคลังน้ำมันพระโขนงมาเข้าร่วมกิจกรรม

วันเด็กในครั้งนี้ด้วย รวมนักเรียน และเยาวชนร่วมงานกว่า 4,000 คน

‘อินโนบิก’ ร่วมมือ ‘ฮาตาริ เน็กซ์’ เดินหน้าสร้างอุปกรณ์การแพทย์แบบใช้ในบ้าน เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีเข้าถึงง่ายให้กับคนไทย

อินโนบิก ร่วมมือกับ ฮาตาริ เน็กซ์ มุ่งนำร่องพัฒนาและจัดจำหน่าย

อุปกรณ์ทางการแพทย์ แบบใช้ภายในบ้าน เพื่อให้บุคคลทั่วไปสามารถดูแลสุขภาพได้ด้วยตนเอง

.

บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จํากัด และ บริษัท ฮาตาริ เน็กซ์ จํากัด ร่วมเดินหน้าพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบใช้ภายในบ้าน (Home-Use Medical Device) สะดวกพกพา ง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองและคนในครอบครัวได้ดียิ่งขึ้น อาทิ การร่วมกันพัฒนาอุปกรณ์เครื่องตรวจวัดน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องเจาะเลือด (Non-Invasive Blood Glucose Monitor) ที่เหมาะสมกับคนไทย โดยวางแผนพร้อมจําหน่ายภายในปี 2566 นอกจากนี้ ยังร่วมมือกันในการจัดจําหน่ายอุปกรณ์เครื่องคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบพกพาแบรนด์ CMATE และเครื่องวัดความดันโลหิตแบบพกพา โดย อินโนบิก จะเป็นผู้แทนในการจัดจําหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออนไลน์ ร้านขายยา และโรงพยาบาล

.

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เปิดเผยว่า “อุปกรณ์ทางการแพทย์แบบใช้ภายในบ้านถือเป็นแนวโน้มใหม่ของการป้องกันและตรวจวินิจฉัยสุขภาพเบื้องต้น โดยคาดการณ์ในอีก 5 ปีข้างหน้า ในปี 2571 จะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 35,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงทำให้มีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอโดยอาศัยความรู้ทางการแพทย์ควบคู่กับเทคโนโลยีทางวิศวกรรมและการวิเคราะห์ข้อมูล (data analytic) ประกอบกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และความใส่ใจด้านสุขภาพของไทย ทำให้มีความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น ด้วยความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ในการพัฒนาเทคโนโลยีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของฮาตาริ ผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม ความรู้ ประสบการณ์ด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์และการดูแลรักษาสุขภาพของ

อินโนบิก จึงเกิดความร่วมมือในการพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ แบบใช้ภายในบ้าน ที่มีระบบวิเคราะห์และประมวลผลที่แม่นยําและเข้าใจง่ายในครั้งนี้ โดยผู้ใช้สามารถตรวจประเมินสุขภาพเบื้องต้นได้ด้วยตนเองและสามารถนําข้อมูลไปปรึกษาแพทย์ได้ ตอกย้ำความมุ่งมั่น ของ อินโนบิก (เอเซีย) ที่ดำเนินธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย และลดการพึ่งพาการนําเข้า เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านสุขภาพ”

.

คุณวิชัย วนวิทย์ ประธานบริษัท ฮาตาริ เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้จะนำร่องด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีอุปกรณ์เครื่องตรวจวัดน้ำตาลในเลือดโดยไม่ต้องเจาะเลือด ที่สามารถวิเคราะห์และประมวลผลลักษณะทางกายภาพของคนไทยได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์การรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานในประเทศ ที่ในปัจจุบันมียอดสะสมสูงถึง 4.8 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชนิดที่ยังไม่ต้องฉีดอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ผู้ที่มีภาวะความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน หรือที่เรียกว่า Pre-diabetes คือมีช่วงค่าระดับน้ำตาลในเลือดก่อนทานอาหารอยู่ในช่วง 100-125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร จะมีแนวโน้มสูงขึ้น ถึงกว่าหลายสิบล้านคนและเพิ่มขึ้นกว่า 500,000 คนในแต่ละปี ความร่วมมือกันระหว่างบริษัท ฮาตาริ เน็กซ์ และ บริษัท อินโนบิก จะพัฒนาอุปกรณ์ดังกล่าวที่สามารถคำนวนค่าระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างแม่นยำ ผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะ (AI) โดยจะมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา สะดวกต่อการพกพา ในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ สามารถเข้าถึงการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดได้ง่ายยิ่งขึ้น สามารถดูแลสุขภาพได้ด้วยตนเอง เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับคนไทยต่อไป”

.

บริษัท อินโนบิก (เอเชีย) จำกัด มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ Life Science ของ กลุ่ม ปตท. ให้เป็นรูปธรรมชัดเจน โดยมุ่งเน้นดำเนินการลงทุนใน ธุรกิจยา ธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และ ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ มีวิสัยทัศน์คือก้าวขึ้นเป็นบริษัท Life Science ชั้นนำในภูมิภาค ด้วยนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์อันเป็นเลิศ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี

.

บริษัท ฮาตาริ เน็กซ์ จำกัด มุ่งเน้นทำธุรกิจเป็นผู้รวบรวมระบบทางไอที เทคโนโลยีและแอพลิเคชั่น รวมถึงการขยายเข้าสู่ธุรกิจเทรนด์ใหม่ที่ใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ทั้งด้านพลังงานทดแทน ด้านสุขภาพ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตสำหรับคนไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต

.

ซีเมท เครื่องวัดสุขภาพหัวใจส่วนบุคคลเครื่องแรกในประเทศไทย ที่วัดค่าคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้เทียบเคียงกับเครื่องขนาดใหญ่ที่ใช้ในโรงพยาบาล สามารถเชื่อมต่อกับ application บนมือถือพร้อมอ่านค่าคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้แบบทันที ใช้ core processor จาก intel การันตีคุณภาพการทำงาน พร้อมทั้งมีระบบวิเคราะห์อัจฉริยะ (Ai) ประมวลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ให้คำแนะนำเบื้องต้นในการดูแลสุขภาพหัวใจ

.

สั่งซื้อหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line Official: @INNOBICASIA หรือ โทร. 063-915-8876

 

????Emirates ประกาศเพิ่มเที่ยวบินสู่กรุงเทพฯ ด้วย A380 รวมบิน 4 เที่ยวบินต่อวัน เริ่ม 1 มกราคมนี้

????Emirates ประกาศเพิ่มเที่ยวบินสู่กรุงเทพฯ ด้วย A380 รวมบิน 4 เที่ยวบินต่อวัน เริ่ม 1 มกราคมนี้
.
สายการบิน Emirates ประกาศเพิ่มความถี่เที่ยวบินระหว่าง ดูไบ - กรุงเทพฯ เป็น 4 เที่ยวบินต่อวัน โดยเที่ยวบินใหม่ที่เพิ่มนั้นจะทำการบินด้วยเครื่องบินแบบ Airbus A380 เริ่มวันที่ 1 มกราคมนี้
.
?สำหรับเที่ยวบินใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจะมีตารางบินดังนี้
.
เที่ยวบิน EK374 DXB-BKK 22.35 - 07.35 +1 (ทำการบินด้วย A380 แบบ 3 ชั้นโดยสาร)
.
เที่ยวบิน EK377 BKK-DXB 02.00 - 06.00 (ทำการบินด้วย A380 แบบ 2 ชั้นโดยสาร)
.
การเพิ่มความถี่ครั้งนี้ จะทำให้ Emirates ทำการบินสู่กรุงเทพฯ จำนวน 28 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมถึงบินสู่ภูเก็ต 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และยังมีเที่ยวบินสู่ฮ่องกงจากกรุงเทพฯ อีกด้วย
.
 Cr.https://www.wingtips.info/
.
 

ตั้งเป้าเป็นผู้นำแบตฯ นูออโว พลัส ผนึก Gotion Hi-tech ตั้งบริษัทร่วมทุน NV Gotion ดันไทยเป็นผู้นำแบตฯ

วันนี้ (15 ธันวาคม 2565) - บริษัท นูออโว พลัส จำกัด (Nuovo Plus) บริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus) และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) บรรลุข้อตกลงร่วมกับ Gotion Singapore Pte. Ltd. (Gotion) บริษัทในกลุ่มของ Gotion High-tech Co., Ltd. จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อบริษัท เอ็นวี โกชั่น จำกัด (NV Gotion) ด้วยทุนจดทะเบียนไม่เกิน 600 ล้านบาท ในสัดส่วนการลงทุน 51% และ 49% ตามลำดับ เพื่อดำเนินธุรกิจนำเข้า ประกอบ และจัดจำหน่ายโมดูลแบตเตอรี่และชุดแบตเตอรี่สำหรับระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมส่งมอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคุณภาพสูงสู่ตลาดภายในปี 2566 ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 1 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี และขยายกำลังการผลิตเป็น 2 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ภายในปี 2568

 

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท นูออโว พลัส จำกัด เปิดเผยว่า การผลิตแบตเตอรี่เพื่อระบบกักเก็บพลังงานและยานยนต์ไฟฟ้าถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้า การร่วมทุนจัดตั้ง NV Gotion ครั้งนี้ เป็นไปตามทิศทางกลยุทธ์การลงทุนธุรกิจพลังงานแห่งอนาคตของ    กลุ่ม ปตท. เพื่อเร่งสร้าง Energy Storage and EV Value Chain ให้ครอบคลุมในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ       การผสานความเชี่ยวชาญจาก Nuovo Plus และ Gotion ทั้งในด้านของการวิจัยพัฒนา ศักยภาพการผลิตแบบแข่งขันได้ การบริการด้านเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีโดยตรง และการให้บริการแบบครบวงจรในประเทศไทย จะทำให้สามารถส่งมอบประสบการณ์การใช้งานแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลสู่ลูกค้าอุตสาหกรรมในไทยและอาเซียน โดย NV Gotion จะเริ่มก่อสร้างโรงงานประกอบชุดแบตเตอรี่ขนาด 2 กิกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คาดว่าจะสามารถผลิตและส่งมอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคุณภาพสูงแก่ตลาดได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2566 นับเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และผลักดันเป้าหมาย Net Zero ของประเทศจากทุกภาคส่วนร่วมกัน

.

Mr. Li Zhen, Chairman of Gotion High-tech Co., Ltd. ย้ำถึงความสำคัญของการร่วมทุนกับ ปตท. และเจตนารมย์ของ Gotion ว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจของ Gotion ในระดับสากล ตลอดจนพัฒนาพลังงานทางเลือกใหม่ของกลุ่ม ปตท. ซึ่งจะเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการดำเนินงานร่วมกันต่อไปในอนาคต โดยมีคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ความร่วมมือในครั้งนี้ได้ผสานจุดแข็งของทั้งสองบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้ ในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมมยานยนต์ของประเทศไทยให้ได้มาตรฐานระดับโลก NV Gotion จะร่วมผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และการบริหารจัดการที่เป็นเลิศเพื่อส่งมอบแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่ผู้บริโภคทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่น ๆ ได้ต่อไป

มุ่งสู่ความยั่งยืนระดับสากล ปตท. ติดอันดับความยั่งยืน DJSI 11 ปีซ้อน พร้อมยึดมั่นดูแลกิจการที่ดีและมีธรรมาภิบาล

ปตท. ติดอันดับดัชนีความยั่งยืน DJSI 11 ปีต่อเนื่อง เดินหน้าธุรกิจสู่พลังแห่งอนาคต

.

วันนี้ (12 ธันวาคม 2565) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ปตท. ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิก DJSI กลุ่มดัชนีโลก (World Index) รวมถึงดัชนีตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market Index) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11

และยังเป็นองค์กรชั้นนำของอุตสาหกรรมในกลุ่ม Oil & Gas Upstream & Integrated (OGX) อีกด้วย สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ ปตท. ผ่านการกำหนดทิศทางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับบริบทของโลกที่แปรเปลี่ยนไป โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพและนิเวศบริการในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการเติบโตในกลุ่มธุรกิจพลังงานสะอาด และธุรกิจใหม่ที่ไกลกว่าพลังงาน เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ควบคู่กับการดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นพันธกิจหลักของ ปตท. ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างหนักของ COVID-19 ที่ผ่านมา กลุ่ม ปตท. ได้จัดตั้ง “โครงการลมหายใจเดียวกัน” เพื่อดูแลผู้ป่วยอย่างครบวงจร ในขณะเดียวกัน ปตท. ยังคงยึดมั่นการกำกับดูแลกิจการที่ดีและมีธรรมาภิบาล รวมทั้งคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียม เพื่อให้สังคมไทยเดินหน้าสู่ความยั่งยืนในระดับสากล ภายใต้วิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond”

.

นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม ปตท. ได้แก่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล

เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI อีกด้วย

.

อนึ่ง DJSI เป็นดัชนีสากลที่ใช้ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อสร้างความมั่นใจกับนักลงทุนถึงการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพทั้งมิติการกำกับดูแลกิจการ เศรษฐกิจ มิติสังคม และมิติสิ่งแวดล้อม

‘ปตท.’ ก้าวไปพร้อมกับ ‘Envision’ พัฒนาแพลตฟอร์มควบคุมการใช้พลังงานอัจฉริยะ มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์

กลุ่ม ปตท. ร่วมกับ Envision พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ มุ่งผลักดันเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์

.

9 ธันวาคม 2565 – บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ ENVISION DIGITAL INTERNATIONAL PTE. LTD. บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อลดคาร์บอน ภายใต้กลุ่มบริษัท Envision ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU)  Collaboration in Future Energy Transition by Decarbonization Platform ศึกษาและทดลองการใช้งานแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ ภายในพื้นที่ของกลุ่ม ปตท. เพื่อบริหารและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขับเคลื่อนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2050 โดยมี ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน คุณเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ Mr. Ko Kheng Hwa ประธานกรรมการ Envision Digital ร่วมในพิธีลงนาม

.

ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการพัฒนาระบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะเพื่อตรวจสอบและควบคุมการใช้พลังงาน รวมถึงประเมินความสามารถในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่ทดลองของโครงการ โดยได้ริเริ่มนำแพลตฟอร์ม EnOSTM ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ AloT ของ Envision Digital มาใช้ในการบริหารจัดการระบบพลังงานหมุนเวียนภายในอาคารต้นแบบ M4 ที่สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) จ.ระยอง ได้แก่ แผงเซลล์แสงอาทิตย์ลอยน้ำ แผงเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคา ระบบกักเก็บพลังงาน รวมถึงสถานีชาร์จไฟฟ้าภายในวิทยาเขตของสถาบันฯ โดยสามารถตรวจสอบและควบคุมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และนำมาปรับใช้งานทดแทนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิลได้อย่างเหมาะสม จึงทำให้อาคารดังกล่าวเป็นอาคาร Zero Import ทั้งหมด ซึ่งในอนาคต หากประสบความสำเร็จก็จะขยายผลไปยังพื้นที่อื่นต่อไป

.

คุณเชิดชัย บุญชูช่วย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและธุรกิจใหม่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามทิศทางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจใหม่ของ ปตท. ได้มีการจัดตั้ง บริษัท เมฆา วี จำกัด (Mekha V) เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจ AI และ Robotic ในด้านต่าง ๆ อาทิ PowerTECH, HealthTECH, MobilityTECH, IndustrialTECH และ SoftpowerTECH  ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการ Cloud โดยบริษัท เมฆาเทคโนโลยี จำกัด (MekhaTech) และดำเนินธุรกรรมซื้อขาย Renewable Energy Certificate (REC) ผ่านแพลตฟอร์มในนามของ บริษัท รี แอค จำกัด (ReAcc) โดยความร่วมมือกับ Envision Digital ในครั้งนี้ถือเป็นขอบเขตงานที่เกี่ยวข้องกับด้าน PowerTECH และในฐานะที่ Mekha V เป็นบริษัทเรือธง (Flagship) ในด้าน AI และ Robotic จึงทำให้บริษัทฯ เป็นตัวแทน กลุ่ม ปตท. ในการศึกษาและทดลองโครงการดังกล่าวร่วมกับ Envision Digital เพื่อสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจดิจิทัลและแพลตฟอร์มต่อไปในอนาคต อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันการใช้พลังงานสะอาดและการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับสังคมคาร์บอนต่ำ ส่งเสริมเจตนารมณ์ของกลุ่ม ปตท. เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2050 และสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065 ตามลำดับ

.

Mr. Michael Ding, Global Executive Director, Envision Digital กล่าวว่า Envision Digital เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอน เรามีพันธมิตรทั้งที่เป็นองค์กร หน่วยงานภาครัฐ และเมืองต่าง ๆ ในหลายประเทศ ด้วยเป้าหมายในการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีส่วนช่วยสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรโลก ผ่านการนำแพลตฟอร์ม EnOSTM net zero เข้ามาช่วยบริหารจัดการพลังงานแบบครบวงจร ปัจจุบัน Envision มีพนักงานมากกว่า 1,000 คน และมีสำนักงาน 14 แห่งในสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ มาเลเซีย จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ สำหรับความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในด้านพลังงานอย่างกลุ่ม ปตท. ที่มีวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจในทิศทางเดียวกับ Envision ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นในการร่วมกันเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ สะท้อนการดำเนินธุรกิจโดยมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนของกลุ่ม ปตท. ที่จะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้พร้อมก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้ต่อไปในอนาคต

ภาพสะท้อนองค์กรตัวอย่าง ปตท. คว้า 3 การกำกับดูแลกิจการที่ดีในอาเซียน จาก ASEAN CG Scorecard ประจำปี 256

ปตท. คว้า 3 รางวัล การกำกับดูแลกิจการที่ดีในอาเซียน ASEAN CG Scorecard ประจำปี 2564

.

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนในอาเซียน (ASEAN CG Scorecard) ประจำปี 2564 โดยมีนายชฎิล ชวนะลิขิกร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารศักยภาพองค์กรและธรรมาภิบาล บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้ารับรางวัลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) เพื่อยกย่องและประกาศเกียรติคุณให้แก่บริษัทจดทะเบียนในอาเซียน ที่ดำเนินธุรกิจตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่ง ปตท. ได้รับจำนวน 3 รางวัล ประกอบด้วย รางวัล ASEAN Asset Class PLCs สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่ได้คะแนนการประเมินตั้งแต่ร้อยละ 75 หรือคิดเป็น 97.50 คะแนนขึ้นไป รางวัล ASEAN Top 20 PLCs สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่มีคะแนนสูงสุด 20 อันดับแรกในระดับภูมิภาคอาเซียน และรางวัล Country Top 3 PLCs สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่มีคะแนนสูงสุด 3 อันดับแรกของประเทศไทย

.

ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวสะท้อนการเป็นองค์กรที่ตระหนักถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดีและมีธรรมาภิบาลสอดคล้องมาตรฐานสากล พร้อมได้รับการยอมรับจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยการประเมิน ASEAN CG Scorecard เป็นการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนในระดับอาเซียน 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย สิงคโปร์ และเวียดนาม จากข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อยกระดับคุณภาพการกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนในอาเซียนให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า มาแล้ว! Swap & Go จับมือ Stallions Group บุกตลาด ทางเลือกในการใช้พลังงานสะอาด

Swap & Go จับมือ Stallions Group เดินหน้าส่งเสริมการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมขยายเครือข่าย Battery Swapping ทางเลือกใหม่เพื่อสังคมไร้มลพิษ

.

นางสาวอาวีมาศ สิริแสงทักษิณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวอพ แอนด์ โก จำกัด (Swap & Go) (ซ้าย) และนายธีรเจต ลาภจตุรพิธ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาเลียน มอเตอร์ไซค์เคิล จำกัด (Stallions) (ขวา) เปิดตัวโครงการความร่วมมือส่งเสริมการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมขยายเครือข่าย Battery Swapping หรือสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่ สร้างทางเลือกในการใช้พลังงานสะอาด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย ถือเป็นกลไกสำคัญที่สอดรับกับแผนพัฒนาประเทศ และเป็นการขยายผลจากต้นแบบการดำเนินธุรกิจในลักษณะแพลตฟอร์มและโครงสร้างพื้นฐานการสลับเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้กับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าโดยไม่ต้องรอชาร์จของ Swap & Go ที่ได้พัฒนาแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีพลังงานสูงขึ้น รองรับการขยายตัวของผู้ใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

.

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท Stallions ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ ได้จับมือร่วมกับแบรนด์ TAILG ซึ่งเป็นแบรนด์จักรยานยนต์ไฟฟ้าอันดับ 3 ของจีน ที่มียอดการผลิตปีละ 12 ล้านคัน เพื่อมุ่งสร้างฐานการผลิตบนมาตรฐาน TAILG Technology เพื่อส่งออกตลาดทั้งอเมริกายุโรปและอาเซียนรวมถึงประเทศไทย รวมทั้งได้พัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้สามารถใช้งานสลับแบตเตอรี่ในระบบของ Swap & Go โดยความร่วมมือนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมในการเพิ่มจำนวนการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยผ่านการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมขับเคลื่อนและเพิ่มศักยภาพการใช้พลังงานสะอาดของประเทศ สอดรับกับวิสัยทัศน์ของกลุ่ม ปตท. ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมพลังงานอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน

Welcometothailand​ กลับมาแล้วเที่ยวบินของสายการบิน TUI FIY NORDIC เที่ยวบิน BLX 375 เส้นทางกรุงโคเปนเฮเกน​ ประเทศ​เดนมาร์ก​ - กระบี่

??????? #Welcometothailand​ กลับมาแล้วเที่ยวบินของสายการบิน TUI FIY NORDIC เที่ยวบิน BLX 375 เส้นทางกรุงโคเปนเฮเกน​ ประเทศ​เดนมาร์ก​ - กระบี่​ ประเทศไทย​ แบบเช่าเหมาลำเที่ยวบินแรกโดยมีผู้โดยสารจำนวน 306 คน บินตรงสู่ท่าอากาศยาน​นานาชาติ​กระบี่​ เมื่อช่วงเย็นของวันจันทร์ที่​ 6​ ธันวาคม​ 2565​ ที่ผ่านมา


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Bangkok I Love You
Take Me Top