Wednesday, 7 June 2023
Bangkok I love you

ที่มาของ “ผาเสวย”

ที่มาของ “ผาเสวย” เป็นหน้าผาบริเวณเทือกเขาภูพานอย่าในเขตอำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์อันเป็นรอยต่อระหว่างจังหวัดกาฬสินธุ์

.

และจังหวัดสกลนครเป็นเทือกเขาที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ เช่น แมกไม้ น้ำตก และหน้าผา เป็นหน้าผาที่สูงชัน ตั้งอยู่ใก้ถนนหมายเลข 213 สายสกลนคร - กาฬสินธุ์ โดยใน พ.ศ. 2498 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

.

พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วยครอบครัวในพระบรมราชวงศ์ ได้เสด็จเยี่ยมเยือนราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อเสด็จถึงอำเภอสมเด็จจังหวัดกาฬสินธุ์ บริเวณเทือกเขาภูพานได้หยุดพักทรงพระเกษมสำราญท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของหุบเขา และเสด็จประทับเสวยพระกระยาหารกลางวัน ณ หน้าผาแห่งนี้

.

ที่มาของ “ผาเสวย”

ที่มาของ “ผาเสวย” เป็นหน้าผาบริเวณเทือกเขาภูพานอย่าในเขตอำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์อันเป็นรอยต่อระหว่างจังหวัดกาฬสินธุ์

.

และจังหวัดสกลนครเป็นเทือกเขาที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ เช่น แมกไม้ น้ำตก และหน้าผา เป็นหน้าผาที่สูงชัน ตั้งอยู่ใก้ถนนหมายเลข 213 สายสกลนคร - กาฬสินธุ์ โดยใน พ.ศ. 2498 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

.

พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วยครอบครัวในพระบรมราชวงศ์ ได้เสด็จเยี่ยมเยือนราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อเสด็จถึงอำเภอสมเด็จจังหวัดกาฬสินธุ์ บริเวณเทือกเขาภูพานได้หยุดพักทรงพระเกษมสำราญท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของหุบเขา และเสด็จประทับเสวยพระกระยาหารกลางวัน ณ หน้าผาแห่งนี้

.

ที่มาของ “ผาเสวย”

ที่มาของ “ผาเสวย” เป็นหน้าผาบริเวณเทือกเขาภูพานอย่าในเขตอำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์อันเป็นรอยต่อระหว่างจังหวัดกาฬสินธุ์

.

และจังหวัดสกลนครเป็นเทือกเขาที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ เช่น แมกไม้ น้ำตก และหน้าผา เป็นหน้าผาที่สูงชัน ตั้งอยู่ใก้ถนนหมายเลข 213 สายสกลนคร - กาฬสินธุ์ โดยใน พ.ศ. 2498 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

.

พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วยครอบครัวในพระบรมราชวงศ์ ได้เสด็จเยี่ยมเยือนราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อเสด็จถึงอำเภอสมเด็จจังหวัดกาฬสินธุ์ บริเวณเทือกเขาภูพานได้หยุดพักทรงพระเกษมสำราญท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของหุบเขา และเสด็จประทับเสวยพระกระยาหารกลางวัน ณ หน้าผาแห่งนี้

.

‘Gas Grows Zerotopia 2022’ ปตท.ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด เพื่อสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวไปสู่สังคม Net Zero

ปตท. จัดงาน Gas Grows Zerotopia 2022 ส่งเสริมการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ      ยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่ Net Zero Emissions

.

หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าภาพจัดงานเสวนาวิชาการและนิทรรศการ Gas Grows Zerotopia 2022 เมื่อวันที่ 25 - 26 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค  โดยมี ม.ล. ปีกทอง ทองใหญ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ นางสุณี อารีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ระบบท่อจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมงาน เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ พร้อมให้การสนับสนุนเกี่ยวกับการจัดการพลังงาน รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เครื่องจักรให้กับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการลดภาระต้นทุนในช่วงสถานการณ์ราคาพลังงานที่ผันผวน โดย ม.ล. ปีกทอง ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ “สถานการณ์พลังงานและแนวทางการนำไปสู่เป้าหมาย Net Zero” ทั้งนี้ ปตท. ในฐานะประธานเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network: TCNN) มุ่งหวังสร้างความร่วมมือกับภาคีต่าง ๆ ในการตระหนักและผลักดันทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมลดก๊าซเรือนกระจก พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

.

ภายในงานมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการจากบริษัทในกลุ่ม ปตท. และหน่วยงานภาครัฐ ที่มีศักยภาพในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญจากภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานชั้นนำของประเทศร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการจัดการพลังงานของภาคอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร นอกจากนี้ ยังเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานให้แก่บุคคลทั่วไป เพื่อสนับสนุนการก้าวไปสู่สังคม Net Zero ตามเจตนารมณ์ของ ปตท. ที่พร้อมมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions ภายในปี ค.ศ. 2050

ปตท.มุ่งหน้าสานต่อพระราชดำริ จัดพิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาหญ้าแฝก สู่การใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ

ปตท. จัดพิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 12 ประจำปี 2563 – 2565

.

วันนี้ (1 ธันวาคม 2565) - ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 12  (ประจำปี 2563 – 2565) ภายใต้แนวคิด “รักษ์น้ำ ป่า ดิน ด้วยแฝกองค์ภูมินทร์ ฟื้นถิ่น ยั่งยืน”  ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรร่วมจัด  ได้แก่ มูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) กรมพัฒนาที่ดิน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมการขยายผลการปลูกหญ้าแฝกให้เป็นแบบอย่างในการอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างยั่งยืน

.

การจัดการประกวดครั้งนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานโล่รางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการประกวด ส่วนผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศและรางวัลชมเชยได้รับโล่พร้อมรับเกียรติบัตรจากองค์กรร่วมจัด โดยมีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 58 ผลงาน ซึ่งแบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภทผลงาน คือ

.

1. ประเภทส่งเสริมการปลูกและขยายผล จำนวน 38 ผลงาน แบ่งออกเป็น พื้นที่ลาดชัน  พื้นที่เชิงลาดแหล่งน้ำไหล่ทาง  พื้นที่ดินเสื่อมโทรมและดินที่มีปัญหา พื้นที่แหล่งเรียนรู้และขยายผลความยั่งยืน และหน่วยงานและส่วนราชการที่ร่วมส่งเสริมการปลูกและขยายผลการใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ มีผู้ได้รับรางวัลทั้งหมด 14 ผลงาน

.

2. ประเภทส่งเสริมหัตถกรรมผลิตภัณฑ์จากใบหญ้าแฝก จำนวน 20 ผลงาน แบ่งออกเป็น ด้านความคิดสร้างสรรค์ ด้านออกแบบและถ่ายทอดองค์ความรู้ผลิตภัณฑ์ มีผู้ได้รับรางวัลทั้งหมด 11 ผลงาน

.

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) กล่าวว่า ปตท. ได้ร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่ายดำเนินงานโครงการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 16 ปี เพื่อสืบสาน รักษาและ   ต่อยอด แนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ ส่งผลให้เกิดการขยายผลการปลูกและใช้ประโยชน์หญ้าแฝกอย่างแพร่หลายในภาคประชาชน ทั้งในระดับภูมิภาค และระดับประเทศ  มีแหล่งศึกษาเรียนรู้ให้กับสถาบันการศึกษา หน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ  โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรเกิดการตื่นตัวหันมาปลูกหญ้าแฝกเพิ่มมากขึ้น เกิดการรวมตัวเป็นเครือข่ายคนรักษ์แฝก ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาชนที่ร่วมขับเคลื่อนงานอนุรักษ์ดินและน้ำรวมถึงการต่อยอดจากรากสู่ใบ นำมาใบหญ้าแฝกมาออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ทันสมัย  เป็นผลิตภัณฑ์ครัวเรือน กระเป๋า ฯลฯ สามารถผลิตเป็นสินค้าจำหน่ายภายใต้แบรนด์ “ภัทรพัฒน์” ของมูลนิธิชัยพัฒนา ช่วยเสริมสร้างรายได้และพัฒนาเป็นวิสาหกิจชุมชนอีกด้วย

ฺBefore & After คลองโอ่งอ่าง

วันวานที่ผ่านไป และอนาคตใหม่ที่ก้าวเข้ามาของคลองโอ่งอ่าง

ไม่กี่ปีหลังจากที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีแห่งใหม่บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเชื่อมต่อกับทางน้ำสายหลักและกำหนดเขตแดนของเมืองหลวงใหม่ให้ชัดเจน พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองสายหนึ่ง เริ่มจากปากแม่น้ำเจ้าพระยาที่วัดสังเวชวิศยารามไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และเปลี่ยนเส้นทางเป็นจากเหนือลงใต้ เริ่มที่ป้อมมหากาฬ ไปจรดกับแม่น้ำเจ้าพระยาตรงวัดจักรวรรดิราชาวาส (วัดสามปลื้ม)

รัชกาลที่ 1 พระราชทานนามคลองนี้ว่า ‘คลองรอบกรุง’ เพราะเป็นคลองที่ขุดมาเพื่อเป็นคูเมืองชั้นนอก โอบรอบกรุงรัตนโกสินทร์ร่วมกับแม่น้ำเจ้าพระยา ความที่มีสายน้ำล้อมรอบทิศ ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยาทางทิศตะวันตกและทิศใต้ และคลองรอบกรุงทางทิศเหนือและทิศตะวันออก ทำให้เมืองหลวงของไทยในเวลานั้นมีลักษณะเป็นเกาะ จึงเรียกว่า ‘เกาะรัตนโกสินทร์’ มาจนวันนี้

คลองรอบกรุงยาวเพียง 3 กิโลเมตรโดยประมาณ ตัวเลขดังกล่าวอาจดูไม่มากนัก แต่เพราะความสำคัญของคลองนี้ที่มีต่อพระนคร ราษฎรจึงมาจับจองที่อยู่อาศัยกันคับคั่ง นำมาซึ่งชื่อเรียกคลองที่ต่างกันไปในภาษาปากของชาวบ้านแต่ละตอน

ต้นคลองจากวัดสังเวชวิศยารามไปถึงป้อมมหากาฬ เรียกว่า ‘คลองบางลำพู’ ซึ่งเป็นชื่อตำบลที่นั่น

พอผ่านสะพานหัน เรียกว่า ‘คลองสะพานหัน’ หรือ ‘คลองตะพานหัน’

ผ่านวัดเชิงเลน ก็เรียก ‘คลองวัดเชิงเลน’

ครั้นลงมาแถวปากคลองอันเป็นแหล่งค้าโอ่ง อ่าง และภาชนะดินเผาอื่น ๆ ฝีมือชาวจีนกับมอญ ก็เรียกคลองรอบกรุงช่วงนั้นว่า ‘คลองโอ่งอ่าง’ ตามชื่อสินค้าที่ผลิตและขายกันเป็นล่ำเป็นสัน โดยชื่อนี้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในราชกิจจานุเบกษา พ.ศ. 2451 เลยทีเดียว

กระทั่ง พ.ศ. 2483 ที่ประเทศไทยมี จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี คลองแห่งนี้ก็แทบสิ้นสถานะคลองเพื่อการคมนาคม เมื่อรัฐบาลยุคนั้นมีมติเห็นชอบว่าควรทำเขื่อนขนาบสองฝั่งคลองเพื่อขยายทางเท้า และลดพื้นที่คลองซึ่งตื้นเขินและไม่ถูกสุขลักษณะ

กลุ่มผู้ค้าย่านสะพานเหล็กก็ขีดเขียนตำนานบทใหม่ให้กับพื้นที่ ซึ่งยังเป็นที่กล่าวขวัญมาจนถึงวันนี้

นาฬิกา สินค้าฟุ่มเฟือยแสดงฐานะที่โดยมากเป็นของนำเข้า เริ่มขยายฐานการค้าจากตลาดคลองถมมาสู่สะพานเหล็ก เนื่องจากมีการนำนาฬิกาจากฮ่องกงเข้ามาขายในกรุงเทพฯ เป็นจำนวนมหาศาล ผู้ค้าจำนวนหนึ่งต้องเสาะหาที่ตั้งร้านรวงแห่งใหม่ เลยมารวมตัวกันที่เชิงสะพานเหล็ก

และจากนาฬิกา สินค้านำเข้าชนิดอื่น ๆ ก็หลั่งไหลตามมาวางจำหน่าย อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเล่นเกม ตลับเกม จนแน่นขนัดเต็มพื้นที่

พ.ศ. 2526 ทางกรุงเทพมหานครได้จัดสัมปทานให้เช่าพื้นที่ว่างเหนือคลองโอ่งอ่างบริเวณรายรอบสะพานดำรงสถิต เพื่อโอบรับร้านค้าซึ่งทวีจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ เหนือลำคลองที่เคยมีแค่สะพานข้ามฟาก จึงต่อเติมด้วยร้านรวงนับร้อยร้าน มุงหลังคาสังกะสีแน่นเอี้ยดจนดูไม่รู้ว่าใต้ทางเดินมีน้ำคลองไหลหลั่ง

เป็นเวลากว่า 3 ทศวรรษที่ผู้คนจดจำสะพานเหล็กในฐานะย่านการค้าที่พลุกพล่านจอแจ เคียงข้างตลาดคลองถม ถนนเสือป่า หรือสำเพ็ง เวลาต่อมาสินค้าที่เป็นภาพจำคู่กับตลาดบนคลองแห่งนี้ ก็คือเกมและของเล่น ชนิดที่เรียกได้ว่าหากอยากได้เครื่องเล่นเกมใหม่ รถบังคับวิทยุ หุ่นฟิกเกอร์ หรือแม้แต่ตุ๊กตาหมีและบาร์บี้ ก็ต้องไปหาซื้อที่สะพานเหล็กกันเลยทีเดียว

ร้านรวงใต้หลังคาสังกะสีแผ่อาณาเขตตั้งแต่เชิงสะพานดำรงสถิตจนถึงสะพานบพิตรพิมุขมานานโข จนกระทั่ง พ.ศ. 2558 กรุงเทพมหานครเล็งเห็นว่า การมีอยู่ของร้านเหล่านี้ทำให้ทัศนียภาพเสื่อมโทรมและน้ำในคลองเน่าเสีย เห็นควรต้องจัดระเบียบเมืองใหม่ โดยการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของผู้ค้าที่รุกล้ำแนวคลองไปให้หมด

หลังการรื้อถอนเสร็จสิ้นลง ภาครัฐก็ปรับปรุงทัศนียภาพคลองใหม่ ร้านรวงที่ตั้งขายเป็นตรอกซอกซอยก็แปรเปลี่ยนเป็นพื้นที่สาธารณะให้ผู้คนมาเดินเล่น ติดตั้งระบบไฟ จัดสวนใหม่ ดูแลความสะอาดของน้ำ พาคลองมากประวัติศาสตร์แห่งนี้ข้ามผ่านสู่ยุคใหม่อีกยุคหนึ่ง

พาหนะที่ล่องบนน้ำอย่างเรือ ได้กลับมาล่องเหนือผืนน้ำคลองโอ่งอ่างอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เรือสำปั้นและเรือกระแชงเช่นที่เคยสัญจรไปมาบนคลองสายนี้เมื่อครั้งคุณตาคุณยายยังเด็ก หากเป็นเรือคายัคเพื่อการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ

สองฟากฝั่งคลองแปรสภาพเป็นถนนคนเดิน ผู้ค้ากลุ่มใหม่มาในรูปรถเข็นขายของกินเล่น ร้านอาหารหลากเชื้อชาติกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง ผนังทั่วแนวแต่งแต้มด้วยสตรีทอาร์ตชวนนักท่องเที่ยวเรียนรู้ประวัติศาสตร์และความเป็นพหุวัฒนธรรมที่ฝังลึกในสถานที่แห่งนี้

Cr.https://readthecloud.co/history-of-khlong-ong-ang/

การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคครั้งนี้

 การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคครั้งนี้

.

นับเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญในการเผยแพร่อัตลักษณ์และคุณภาพของสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือสินค้า GI ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ  ซึ่ง GI ย่อมาจาก Geographical Indications

.

หมายถึง สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่ง   ซึ่งรัฐบาลได้คัดเลือกสินค้า GI เข้ามามีส่วนร่วมในการประชุมเอเปค เพื่อนำเสนอ

.

อัตลักษณ์ความเป็นไทย ผ่านเมนูอาหารที่อาศัยวัตถุดิบ GI ซึ่งประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ของจังหวัดศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด ยโสธร สุรินทร์ และมหาสารคาม เนื้อโคขุนโพนยางคำ จังหวัดสกลนคร ปลากุเลาเค็มตากใบ จังหวัดนราธิวาส ไวน์เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ส้มโอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ไข่เค็มไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี  กล้วยหอมทองพบพระ จังหวัดตาก นอกจากนี้ ได้นำผ้าไหมปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา มาทอเป็นของที่ระลึกแก่ผู้นำเอเปค เช่น เนคไท ผ้าคลุมไหล่ ฯลฯ

.

นำมาซึ่งความภาคภูมิใจของเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่น

 

"ระดับเวิลด์คลาส"

ผอ.สำนักเลขาธิการเอเปก ยกย่องไทย “ระดับเวิลด์คลาส” จัดประชุมเอเปก 2022 ยอดเยี่ยม สะท้อน “พล.อ.ประยุทธ์” จัดงานได้มีประสิทธิภาพ ส่งผลภาพลักษณ์และศักยภาพระดับโลก

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันวิทยสิริเมธี และโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ประจำปีการศึกษา 2564

วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2565) - สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังวังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันวิทยสิริเมธี ประจำปี 2564 จำนวน 30 คน โดยแบ่งเป็นระดับปริญญาเอก จำนวน 26 ราย และระดับปริญญาโท จำนวน 4 ราย และพระราชทานทุนการศึกษา “ศรีเมธี” ให้กับนิสิตที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมจากสถาบันฯ จำนวน 4 ราย รวมทั้งพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้แทนนักเรียนโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ที่สำเร็จการศึกษา รุ่นที่ 5 จำนวน 2 ราย โดยมี นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร นายกสภาสถาบันวิทยสิริเมธี ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล อธิการบดีสถาบันวิทยสิริเมธี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. พร้อมกับคณะผู้บริหารและพนักงาน กลุ่ม ปตท. เฝ้าฯ รับเสด็จ ณ ตำบลป่ายุบใน อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง

.

ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงทอดพระเนตรผลงานทางวิชาการและงานวิจัยของสถาบันวิทยสิริเมธี ที่สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจในปัจจุบัน แบ่งเป็น 3 ด้าน ได้แก่ งานวิจัยทางด้านระบบปัญญาและหุ่นยนต์ (Al and Robotic) งานวิจัยทางด้านเทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน การพัฒนาแบตเตอรี่และวัสดุคุณภาพภาพสูง (Energy Materials & Environment) และงานวิจัยพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และการเพิ่มมูลค่าขยะอินทรีย์ อนึ่ง สถาบันวิทยสิริเมธี ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทในกลุ่ม ปตท. เพื่อร่วมกันสร้างนักวิจัย พัฒนางานวิจัยที่มีศักยภาพไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และสร้างคุณค่าให้แก่สังคม อันเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญของสถาบันฯ

.

ต่อมาทรงเป็นประธานในการลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สถาบันวิทยสิริเมธี และสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจากการดำเนินโครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนระดับพลังงาน 3 GeV และห้องปฏิบัติการ ในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) พื้นที่ประมาณ 88 ไร่

.

เครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่สำคัญและได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ให้เป็นเครื่องมือที่มีพลานุภาพ เป็นต้นกำเนิดของเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่สามารถสร้างคุณประโยชน์มากมายมหาศาลต่องานวิจัยทางด้านการแพทย์ การเกษตร อุตสาหกรรม และด้านอื่น ๆ โดยเครื่องกำเนิดแสงที่จะจัดสร้างนี้ มีค่าระดับพลังงาน 3 GeV และใช้เทคโนโลยี Double Triple Bend Achromat (DTBA) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้แสงซินโครตรอนมีความสว่างจ้ามากกว่าเดิม 1 ล้านเท่า และรองรับระบบลำเลียงแสงได้สูงถึง 22 ระบบ จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ด้านงานวิจัยได้หลากหลาย

.

จากนั้น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารปฏิบัติการวิศวกรรม (Fabrication Center) ซึ่งเป็นห้องทดลองสำหรับนักเรียนในการสืบค้นข้อมูลและพัฒนาต้นแบบสิ่งประดิษฐ์ตามแนวคิดของตนเอง พร้อมทรงติดตามความก้าวหน้าและความยั่นยืนของโรงเรียนกำเนิดวิทย์ โดยมี

.

รองศาสตราจารย์ ดร.บุญโชติ เผ่าสวัสดิ์ยรรยง ผู้อำนวยการโรงเรียนกำเนิดวิทย์ กราบบังคมทูลรายงาน ต่อมาเสด็จพระราชดำเนินไปยัง “ศูนย์เรียนรู้เกษตรนวัต สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา” ซึ่งเป็นแหล่งการเรียนรู้สำคัญในการพัฒนาภาพลักษณ์ของเกษตรกรไทยยุคใหม่ ให้เป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจและยั่งยืน โดย นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. และ นายเทอดเกียรติ พร้อมมูล ประธานกรรมการ บริษัท พีทีที ดิจิตอล โซลูชั่น จำกัด ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือและแพลตฟอร์ม “สวนสมรม” ที่นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในการพัฒนาระบบการเกษตร

.

ต่อมาทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนลานใจบ้าน สถาบันวิทยสิริเมธี โดยมีนายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน เฝ้าฯ รับเสด็จ และนำเสนอนิทรรศการโครงการด้านนวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม ผลงานของ ปตท.สผ. ร่วมกับพันธมิตร ที่จะช่วยสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านแนวคิด EP Net Zero 2050 ของ ปตท.สผ. นอกจากนี้ยังจัดแสดงเกี่ยวกับเทคโนโลยี Smart Forest Solution ซึ่งเป็นผลงานของ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส หรือ เออาร์วี ซึ่งเป็นบริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ในเครือ ปตท.สผ. โดยเป็นเทคโนโลยีเพื่อการวางแผนบริหารจัดการพื้นที่สีเขียวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โครงการด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศทางทะเลอย่างยั่งยืนของ ปตท.สผ. ภายใต้แนวคิด “ทะเลเพื่อชีวิต” (Ocean for Life) เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพให้กับระบบนิเวศใต้ทะเล

.

จากนั้น ทอดพระเนตรการแสดงโดรนแปรอักษรประกอบ แสง สี เสียง ซึ่งกลุ่ม ปตท. โดย ปตท.สผ. และบริษัท เออาร์วี จัดแสดงขึ้นด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยใช้โดรนจำนวนกว่า 700 ลำ ทำการแสดงรวม 9 ภาพ ในรูปแบบ 3 มิติ ผสานม่านน้ำมัลติมีเดีย ในชื่อชุด “ความยั่งยืนจากท้องทะเลสู่ท้องฟ้า เหล่าประชาร่วมเทิดพระเกียรติ” โดยนำเสนอความมุ่งมั่นของ ปตท.สผ. ในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล เชื่อมโยงสู่การใช้เทคโนโลยีโดรนและปัญญาประดิษฐ์เพื่อดูแลความสมบูรณ์ของทรัพยากรชายฝั่ง รวมถึงเพื่อพัฒนาภาคการเกษตรของไทย และพระราชกรณียกิจในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Bangkok I Love You
Take Me Top