Wednesday, 7 June 2023
Bangkok I love you

สวยงามเหลือเกิน โซเชียลแห่แชร์ ภาพวัดประยุรวงศาวาส คู่ดวงจันทร์ เสน่ห์วัดยามค่ำคืน

เพจ Unseen Tour Thailand ได้โพสต์ภาพวัดประยุรวงศาวาส กรุงเทพฯ ซึ่งด้านข้างซ้ายเป็นดวงจันทร์ ทำให้เห็นความสวยงามของวัด พร้อมทั้งได้รู้เรื่องราวประวัติความเป็นมาของวัดด้วย โดยได้โพสต์รูปพร้อมแคปชั่นที่ว่า

 

"วัดประยุรวงศาวาส กรุงเทพฯ

สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง บุพเพสันนิวาส 2 ซึ่งตรงกับยุคที่ชาติตะวันตกกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในสยาม มี “พระบรมธาตุมหาเจดีย์” เป็นเจดีย์องค์ใหญ่สีขาวทรงลังกา ได้รับรางวัลอนุรักษ์จากยูเนสโก”

 

หลังโพสต์ภาพชาวโซเชียลก็เข้ามากดไลก์ กดแชร์กันอย่างถล่มทลาย

 

ที่มา: Unseen Tour Thailand

ประเทศไทยสุดปัง !!! ปีนี้นักท่องเที่ยวทะลุ 7.3 ล้านคน

ประเทศไทยสุดปัง !!! ปีนี้นักท่องเที่ยวทะลุ 7.3 ล้านคน คาดสิ้นปีถึง 10 ล้านแน่นอน

.

ททท. เผย ตั้งแต่ 1 มกราคม ถึง 26 ตุลาคม 65 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย 7.35 ล้านคน

.

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยตั้งแต่ 1 มกราคม ถึง 26 ตุลาคม 65 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว 7,349,843 ล้านคน และตั้งเป้าไว้ทั้งหมดในปีนี้ราว 10 ล้านคน โดยจำแนกจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรายเดือนได้ดังนี้

.

• มกราคม 133,903 คน

.

• กุมภาพันธ์ 152,954 คน

.

• มีนาคม 210,836 คน

.

• เมษายน 293,350 คน

.

• พฤษภาคม 521,410 คน

.

• มิถุนายน 767,497 คน

.

• กรกฎาคม 1,124,227 คน

.

• สิงหาคม 1,174,743 คน

.

• กันยายน 1,309,115 คน

.

• 1-26 ตุลาคม 1,661,808 คน

.

"คลองแม่ข่า" คือแลนด์มาร์กใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว

"คลองแม่ข่า" คือแลนด์มาร์กใหม่ของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว 

.

โดยเฉพาะถ้าไปเดินเล่นช่วงค่ำ รับรองว่าฟิน เพราะมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะมาก

.

มีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และร้านกาแฟน่ารัก ๆ ไว้บริการ

.

ช่วงประเพณียี่เป็ง คลองแม่ข่าถูกตกแต่งด้วยโคมยี่เป็งอันเป็นสัญลักษณ์ของล้านนา

.

สว่างไสว สวยงาม และน่าประทับใจมากจริง ๆ

.

ใครไปเที่ยวเชียงใหม่ช่วงนี้ แล้วไม่ได้ไปเช็คอินที่นี่ ถือว่าพลาดเลยล่ะ

.

ที่มา : TAT Chiang Mai

 

น้ำมันเครื่องบินเพื่อสิ่งแวดล้อม !!! ปตท. ขับเคลื่อนปท.ไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชีวภาพในประเทศ

กลุ่ม ปตท. ผนึกกำลัง รุกธุรกิจน้ำมันเครื่องบินเพื่อสิ่งแวดล้อม สร้างสังคมเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero ดันไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


วันนี้ (9 พฤศจิกายน 2565) นายนพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียม
ขั้นปลาย  บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการศึกษา พัฒนาและลงทุนผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) ระหว่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดย นายจตุรงค์ วรวิทย์สุรวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่แผนกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (Thai Oil) โดย นายรัฐกร กัมปนาทแสนยากร 
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกลยุทธ์องค์กร  บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) โดย          

นางวราวรรณ  ทิพพาวนิช  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) โดย นายสมเกียรติ เลิศฤทธิ์ภูวดล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่  กลยุทธ์ แผนและพัฒนาธุรกิจองค์กร และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) โดย นายทรงพล เทพนำโสมนัสส์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจเอนเนอร์ยี่โซลูชัน ร่วมลงนาม 


การลงนามในครั้งนี้ผนวกรวมองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของกลุ่ม ปตท. ในการประกอบธุรกิจโรงกลั่น พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และการพัฒนากระบวนการกลั่นผลิตภัณฑ์น้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูงจาก Thai Oil, GC และ IRPC ตลอดจนความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยานมาอย่างยาวนานทั้งในประเทศและต่างประเทศของ OR  มาต่อยอดการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน ซึ่งเป็นพลังงานแห่งอนาคตที่มีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพ มาตรฐานระดับโลก ได้แก่ เทคโนโลยีการผลิต Hydroprocessed Esters and Fatty Acids (HEFA) และ Alcohol to Jet (ATJ) มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก

 
“กลุ่ม ปตท. มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ผลักดันเป้าหมาย Net Zero ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชีวภาพในประเทศ ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในเชิงเศรษฐกิจ  ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมพลังงานที่ยั่งยืน พร้อมรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชน สังคม และประเทศในอนาคต สอดคล้องวิสัยทัศน์  Powering Life with Future Energy and Beyond” นายนพดล ปิ่นสุภา กล่าวในตอนท้าย

PTT – OR – TOYOTA - BIG พร้อมรองรับรถยนต์ไฟฟ้า สร้างสถานีต้นแบบเติมไฮโดรเจน แห่งแรกของไทย

“พลังงานแห่งอนาคต” PTT – OR – TOYOTA - BIG  ผนึกกำลังเสริมแกร่ง พร้อมรองรับรถยนต์ไฟฟ้า เดินหน้าเปิดสถานีต้นแบบเติมไฮโดรเจน แห่งแรกของประเทศไทย

.

(8 พฤศจิกายน 2565) - นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) พร้อมด้วย นายวิศาล ชวลิตานนท์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (BIG) นายปาซานา กาเนซ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (TDEM) และ นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (TMT) ร่วมเปิดสถานีนำร่องทดลองใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle: FCEV) แห่งแรกของประเทศไทย (Hydrogen Station) ณ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

.

โดยการนำรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง รุ่นมิไร (Mirai) ของโตโยต้า มาเพื่อทดสอบการใช้งานในประเทศไทย ให้บริการในรูปแบบรถรับส่งระหว่างสนามบินอู่ตะเภา จังหวัดชลบุรี (U-Tapao Limousines) สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้โดยสารในพื้นที่พัทยา - ชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมทำการเก็บข้อมูลเชิงเทคนิคที่ได้จากการใช้งานจริง เพื่อสร้างการรับรู้และเป็นข้อมูลรองรับการขยายผลใช้งานในอนาคต

.

ทั้งนี้นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ปตท. ตระหนักถึงความสำคัญเร่งด่วนของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก จึงมุ่งผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมการสร้างความร่วมมือกับภาคีต่าง ๆ เพื่อร่วมกันผลักดันประเทศไทยมุ่งสู่เป้าหมายดังกล่าว ทั้งนี้ ปตท. เล็งเห็นว่าการลงทุนด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดอย่างไฮโดรเจน เป็นพลังงานที่มีศักยภาพ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

.

อย่างไรก็ตามการนำไฮโดรเจนมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับประเทศไทยที่จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และการลงทุนมูลค่าสูง ความร่วมมือของ 5 พันธมิตรชั้นนำในกลุ่มพลังงานและยานยนต์ครั้งนี้ จึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ทั้งในด้านมาตรฐานระดับสากล และความปลอดภัยสูงสุดที่จะส่งมอบให้กับผู้ใช้บริการในอนาคต โดย ปตท. ได้ร่วมสนับสนุนการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานของระบบอัดบรรจุก๊าซไฮโดรเจน และข้อมูลเชิงเทคนิคที่จำเป็น ร่วมผลักดันการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตไปด้วยกันในทุกมิติอย่างสมดุลและยั่งยืน

.

ด้านนายวิศาล ชวลิตานนท์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) กล่าวว่า จากแนวโน้มการใช้พลังงานในการเดินทางและการขนส่งในปัจจุบันที่รถไฟฟ้าเริ่มได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้น และหนึ่งในพันธกิจของ OR คือการสร้าง Seamless Mobility โดยมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะต้องการพลังงานชนิดใดสำหรับการเดินทาง เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ รวมทั้งมุ่งมั่นผลักดันการใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับการเดินทางและการขนส่งให้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในประเทศ ตลอดจนพัฒนาธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) อย่างครบวงจร ซึ่งการสร้างสถานีบริการไฮโดรเจนเพื่อเติมไฮโดรเจนในรถยนต์ FCEV ครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญซึ่งจะช่วยเติมเต็มศักยภาพของโออาร์ในการมุ่งสู่การเป็นผู้นำ EV Ecosystem ในทุกมิติ 

.

โดยผู้บริโภคที่ใช้รถยนต์ FCEV ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเติมเชื้อเพลิง เนื่องจากการเติมไฮโดรเจนสำหรับรถยนต์ รูปแบบ Passenger Car ใช้เวลาเพียง 5 นาที ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ชอบการบริการที่สะดวกรวดเร็ว อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคผู้ใช้หรือมีแผนที่จะใช้รถ FCEV และพันธมิตรผู้ค้าในคุณภาพและมาตรฐานการบริการ ซึ่งเป็นผลดีกับการเติบโตของตลาดรถยนต์ EV และในอนาคตจะมีการพัฒนาการใช้พลังงานไฮโดรเจนในกลุ่มรถ FCEV ขนาดใหญ่ เช่น รถบัสและรถบรรทุก ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดเวลาในการเติมเชื้อเพลิง สามารถเพิ่มรอบการขนส่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำไรให้แก่ธุรกิจอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับเป้าหมายปี 2030 ของ โออาร์ ในมิติด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เพื่อมุ่งสู่การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon-neutrality) ภายในปี 2030 ซึ่งจะเป็นรากฐานที่นำไปสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรที่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Carbon Zero) ในปี 2050 ต่อไปอีกด้วย

.

ขณะที่นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (BIG) เปิดเผยว่า บีไอจีตั้งเป้าเป็นผู้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Technology Company) ด้วยนวัตกรรมไฮโดรเจนซึ่งถือเป็นเทรนด์ของโลกในการแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในครั้งนี้ บีไอจีจึงได้ร่วมกับ 5 พันธมิตรในการนำนวัตกรรมจากก๊าซไฮโดรเจนมาใช้จริงในอุตสาหกรรมยานยนต์

.

ซึ่งถือเป็นสถานีเติมไฮโดรเจนเข้าสู่ยานยนต์แห่งแรกของประเทศไทย โดยไฮโดรเจนจากบีไอจีเป็นพลังงานสะอาดและมาจากเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้บีไอจียังมีแผนพัฒนาไฮโดรเจนทั้งในแบบคาร์บอนต่ำและปราศจากคาร์บอน ร่วมกับองค์กรชั้นนำในประเทศในอนาคต โดยบีไอจีได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเกี่ยวกับไฮโดรเจนมาจากแอร์โปรดักส์ (บริษัทแม่ของบีไอจีในสหรัฐอเมริกา) ซึ่งเป็นผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับก๊าซไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำและปราศจากคาร์บอนอันดับหนึ่งของโลก จึงมั่นใจได้ทั้งในด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมาตรฐานด้านความปลอดภัยต่าง ๆ

.

นอกจากนี้บีไอจียังมุ่งเน้นสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมในการกระจายความรู้และนวัตกรรมเกี่ยวกับไฮโดรเจนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์การเป็นผู้นำนวัตกรรมจากไฮโดรเจนของประเทศไทย การนำก๊าซไฮโดรเจนมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในภาคยานยนต์ในครั้งนี้ถือความก้าวที่สำคัญที่ช่วยประเทศไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emissions

.

ส่วนนายปาซานา กาเนซ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (TDEM) เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของโตโยต้าที่มีต่อความเป็นกลางทางคาร์บอน เราเป็นหนึ่งในบริษัทที่ริเริ่มในการกำหนดเป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 (2593) ด้วยความเชื่อมั่นในแนวทางเทคโนโลยีที่หลากหลาย (multiple pathways) ของเรา โตโยต้ามุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและเทคโนโลยีสะอาดที่แตกต่างกันเพื่อทำให้การลดคาร์บอนสามารถทำได้ในปริมาณมากและเร็วขึ้น

.

โดยเราจะดำเนินตามพันธกิจของเราในการลดคาร์บอนตลอดวัฏจักรผลิตภัณฑ์ของรถยนต์ เราเห็นศักยภาพที่ดีในไฮโดรเจนจากการใช้งานและประโยชน์ที่หลากหลาย ตั้งแต่การผลิตจนถึงการจัดเก็บ การขนส่งไปจนถึงการใช้งานในภาคส่วนต่างๆ โตโยต้าได้เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) Mirai ซึ่งหมายถึงอนาคต ในปี 2557และรุ่นที่ 2 ในปี 2564 วิสัยทัศน์ของโตโยต้าต่อสังคมปลอดคาร์บอนและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเคลื่อนย้ายที่ปราศจากคาร์บอนสำหรับทุกคน จะเป็นความจริงได้ก็ต่อเมื่อผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดรวมตัวและร่วมมือกันเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน และเนื่องจากผมเป็นหนึ่งในสองสมาชิกผู้ก่อตั้ง Hydrogen Council ในปี 2559 ผมมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีไฮโดรเจนมาสู่ความเป็นจริงในการขับเคลื่อนในชีวิตประจำวัน และอยากจะส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดทำงานร่วมกันในการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับไฮโดรเจน

.

และนายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (TMT) กล่าวปิดท้ายว่า โตโยต้ามีความท้าทายในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 โดยมีกลยุทธหลักว่าด้วยการเตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ในหลากหลายแนวทาง หรือ Multi Pathway เพื่อนำเสนอทางเลือกในการเดินทางที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่มที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน ด้วยยานยนต์หลากหลายระบบขับเคลื่อน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดในการตอบสนองการขับเคลื่อนของทุกคนโดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง

.

ทั้งนี้ เพื่อให้เทคโนโลยียานยนต์ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ถูกนำไปใช้งานได้จริง เราจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจถึงรูปแบบการใช้งานที่เหมาะสมกับประเทศไทย จึงได้ริเริ่มโครงการ”การจัดตั้งเมืองที่ยั่งยืนโดยปราศจากมลภาวะ Decarbonized Sustainable City” โดยมีรถยนต์รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง โตโยต้า มิไร เป็นส่วนหนึ่งของโครงการทดลองนี้ เนื่องจากเป็นยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนอันเป็นพลังงานทางเลือกที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนนั้น โตโยต้ามิอาจบรรลุพันธกิจดังกล่าวได้เพียงลำพัง แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือและการสนับสนุนจากพันธมิตรที่มีเป้าหมายเดียวกัน ดังเช่น โครงการความร่วมมือฯ อันนำมาซึ่งกิจกรรมการเปิดสถานีไฮโดรเจนแห่งแรกในเมืองไทยในวันนี้ ผมหวังว่าความร่วมมือในวันนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการเติมเต็มแผนยุทธศาสตร์ Multi Pathway ของเรา ตลอดจนเป็นการร่วมเติมเต็มวิสัยทัศน์ของประเทศในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนต่อไป

เปิดตัว “Wicked Kitchen” แบรนด์อาหารแพลนต์เบส

“NRPT” ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช หรือ แพลนต์เบส ดึงสตาร์ทอัพแบรนด์อาหารโปรตีนจากพืชชื่อดังจากอังกฤษ พร้อมจับมือ “ท็อปส์” เบอร์ 1 ฟู้ดรีเทลของไทย 
.
เปิดตัว “Wicked Kitchen” แบรนด์อาหารแพลนต์เบส
ชื่อดังระดับโลกจากอังกฤษ จำหน่ายผลิตภัณฑ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งแรกในประเทศเฉพาะร้านท็อปส์ (Tops) และ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ (Tops Food Hall) 50 สาขา ทั่วประเทศ และท็อปส์ ออนไลน์ 
.
พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งหมด 17 รายการ ได้แก่ สินค้ากลุ่ม Frozen Ready meals และของหวาน ที่พร้อมวางจำหน่ายในช่วงแรกของการเปิดตัว ส่วนกลุ่ม Frozen pizza และไอศกรีม
.
จะพร้อมวางจำหน่ายในช่วงต้นเดือนธันวาคม โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสินค้าเป็น 30 รายการ ในช่วงต้นปีหน้า เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ มุ่งเป็นโมเดลต้นแบบการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
.
นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฟู้ด เซ็นทรัล รีเทล  กล่าวว่า “ท็อปส์” ในฐานะผู้นำฟู้ด รีเทลเมืองไทย เราให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกวันตามแนวคิด “Every Day DISCOVERY ” พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกช่วงเวลาจากพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันพบว่า ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น 
.
ลดการบริโภคเนื้อสัตว์และหันมาเลือกรับประทานเนื้อจากพืชซึ่งดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้สินค้ากลุ่มแพลนต์เบสในไทยเติบโต ขณะเดียวกันในกลุ่มลูกค้าท็อปส์พบว่า มีความนิยมซื้อสินค้าแพลนต์เบสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากท็อปส์มีสินค้ากลุ่มแพลนต์เบสที่หลากหลาย มีรสชาติที่อร่อย ทำให้ผู้บริโภครับประทานได้ง่าย จากผลตอบรับที่ดีดังกล่าวทำให้ท็อปส์เล็งเห็นการเติบโตของเทรนด์ความต้องการสินค้าแพลนต์เบส 
.
เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริงด้านการคัดสรรสินค้าคุณภาพจากแหล่งผลิตที่ดีที่สุดทั่วโลก เราจึงนำสินค้าชื่อดังจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ล่าสุดได้ร่วมกับ บริษัท เอ็นอาร์พีที ผู้นำทางด้านนวัตกรรมอาหารแพลนต์เบสและอาหารแห่งอนาคต ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง อินโนบิก (เอเซีย) และ เอ็นอาร์เอฟ เปิดตัว Wicked Kitchen แบรนด์อาหารแพลนต์เบส 100% ระดับโลกจากประเทศอังกฤษจำหน่ายครั้งแรกในประเทศไทย เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ ร้าน Tops และ Tops Food Hall  50 สาขาทั่วประเทศ และ ช่องทางท็อปส์ออนไลน์ ทำให้ลูกค้าท็อปส์จะได้เลือกซื้อสินค้าแพลนต์เบสไอเทมใหม่ที่หลากหลาย เป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการรับประทานอาหารแพลนต์เบส ตลอดจนเป็นการขยายฐานลูกค้าซึ่งจะทำให้ตลาดสินค้ากลุ่มแพลนต์เบสในประเทศไทยเติบโตเพิ่มมากขึ้น
.
นายพีท สเปอเรนซาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Wicked Kitchen กล่าวว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าทำการตลาดในเอเชีย โดยเริ่มต้นที่ประเทศไทยเป็นที่แรก ซึ่งได้จับมือกับ “ท็อปส์”  ผู้นำธุรกิจด้านฟู้ด รีเทล และมีเจตนารมย์ร่วมกันในการปฏิวัติวงการอาหารโปรตีนจากพืช พร้อมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง NRPT และ อินโนบิก ที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและร่วมสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคชาวไทย 
.
ได้เข้าใจถึงความสำคัญของการทานอาหารโปรตีนจากพืช ที่ไม่ใช่เพียงเพื่อการบริโภคเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับโลกเพื่อคนรุ่นต่อไปอีกด้วย”
.
นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) (NRF) และประธานกรรมการบริษัท โนฟ ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวว่า ด้วยแบรนด์ Wicked Kitchen เป็นแบรนด์อาหารแพลนต์เบสที่ขายดีจากประเทศอังกฤษ และยังมีการจำหน่ายในร้านค้าปลีกชั้นนำในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศฟินแลนด์ ด้วยความโดดเด่นในเรื่องของรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เราจึงอยากให้ผู้คนได้สัมผัสประสบการณ์นี้ไปด้วยกัน 
.
โดยเรามีแผนที่จะขยายการจำหน่ายสินค้าทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย โดยเริ่มเปิดตัว Wicked Kitchen ในประเทศไทยผ่าน “ท็อปส์” ผู้นำธุรกิจกลุ่มฟู้ด ในเครือเซ็นทรัลรีเทล ด้วยวิสัยทัศน์ที่เรามุ่งมั่นในการใช้อาหารเพื่อต่อสู้กับโลกร้อนมาโดยตลอด ผนวกกับเทรนด์ของผู้บริโภค เริ่มหันมาสนใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น 
.
ทั้งยังมีแนวโน้มการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ  โดยแบรนด์ Wicked Kitchen นี้เป็นอาหารแพลนต์เบส 100% ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้คนในปัจจุบันและยังมีไลน์สินค้าที่ วางจำหน่ายในช่วงเริ่มต้นมีความหลากหลายครอบคลุมทุกวัย เพื่อรองรับไลฟ์สต์ของผู้คน อาทิ เมนูอาหารพร้อมปรุง พิซซ่า ของหวาน ไอศกรีม ที่ได้รังสรรค์มาอย่างพิถีพิถัน  นายแดน กล่าวปิดท้าย
.
ดร. บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด กล่าวว่า ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการต่อยอดและสร้างระบบนิเวศน์เพื่อพัฒนาธุรกิจโภชนาการ  NRPT บริษัทร่วมทุนระหว่าง อินโนบิก (เอเซีย) และ NRF จึงไม่หยุดที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งกับพันธมิตร โดยการเปิดตัว Wicked Kitchen ครั้งนี้ 
.
เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจผลิตอาหารโปรตีนจากพืชระดับโลกจากประเทศอังกฤษ ที่ช่วยเสริมองค์ความรู้การวิจัยและพัฒนาอาหารในอนาคต เติมเต็มทุกความต้องการของผู้บริโภคไทยยุคใหม่ที่กำลังหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพได้มากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดโมเดลของการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับประเทศไทย 
.
การเปิดตัววางจำหน่ายสินค้า Wicked Kitchen ยังได้จับมือกับ “ท็อปส์” ผู้นำธุรกิจฟู้ด รีเทลของประเทศไทยที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ มีช่องทางจำหน่ายที่หลากหลายช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้า Wicked Kitchen และเพิ่มทางเลือกในการทานอาหารโปรตีนจากพืชได้มากยิ่งขึ้น
.
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ 
.
โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,550 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 5 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่  (1) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (2) กลุ่มฟู้ด
.    
ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท บิ๊กซี / GO! ลานชี มาร์ท ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม และ มินิ โก (go!) (3) กลุ่มแฟชั่น ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ 
.
ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม และ (5) กลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายและให้บริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง เช่น ท็อปส์แคร์ ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 58 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 41 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565)
.
บริษัท นิวทรา รีเจนเนอเรทีฟ โปรตีน จำกัด (NRPT) มุ่งพัฒนาโปรตีนจากพืช เพื่อสนับสนุนวิถีการมีสุขภาพดีแบบคนรุ่นใหม่ที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ด้วยผลิตภัณฑ์ทางโภชนาการที่ทำจากพืช รวมถึงต้องการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรภายในประเทศ เพื่อสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช แบบครบวงจร
 

ปตท. ร่วมมือไออาร์พีซีพัฒนา 4 กลุ่มธุรกิจ เน้นกลยุทธ์ Advanced Business Integratio

นนี้ (7 พฤศจิกายน 2565) – นายนพดล ปิ่นสุภา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ยืนกลาง) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อศึกษาการลงทุนตามกลยุทธ์ Advanced Business Integration (ABI) ระหว่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) โดยนายประสงค์ อินทรหนองไผ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ที่ 2 จากซ้าย) และนายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (ที่ 2 จากขวา) พร้อมด้วย นายจตุรงค์ วรวิทย์สุรวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่แผนกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ซ้าย) และนายสมเกียรติ เลิศฤทธิ์ภูวดล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (ขวา) ร่วมเป็นสักขีพยาน
 
ปตท. และ ไออาร์พีซี จะร่วมกันพัฒนา 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจผลิตวัสดุประสิทธิภาพชั้นสูง (High Performance Materials) ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนสำคัญของ Li-ion แบตเตอรี่ (Battery Component) ธุรกิจการทำให้สารบริสุทธิ์ (Purification) และธุรกิจเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์เพื่อชีวิต (Chemical for Life) ซึ่งสอดรับกับวิสัยทัศน์ของ ปตท. Powering Life with Future Energy and Beyond โดยในช่วงเริ่มต้นจะเน้นการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับแผ่นกรองอากาศและน้ำ (Air และ Water Purification) สอดรับกับแนวโน้มของผู้บริโภคที่ดูแลรักษาสุขอนามัยมากขึ้น พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ต่อยอดผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก Polypropylene (PP) และ Acrylonitrile Butadiene Styrene (ABS) ของ ไออาร์พีซี ได้เป็นอย่างดี

กทม. ชวนเที่ยวงาน "ลอยกระทง 2565"

กทม. ชวนเที่ยวงาน "ลอยกระทง 2565" 1 กระทง 1 ครอบครัว มาด้วยกันลอยด้วยกัน 1 กระทง รณรงค์ใช้วัสดุธรรมชาติ ลดปริมาณขยะ ร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม
.
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 มีรายงานว่า ในการจัดงานลอยกระทงกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2565 ซึ่งกรุงเทพมหานครจัดงานขึ้นเพื่อสืบสานประเพณีวิถีไทยและวิถีชีวิตของชุมชนที่มีต่อสายน้ำ อันเป็นประเพณีไทยที่ดีงาม และสืบทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
.
รวมทั้งรณรงค์ 1 กระทง 1 ครอบครัว มาด้วยกันลอยด้วยกัน 1 กระทง และให้ประชาชนใช้วัสดุธรรมชาติในการทำกระทง เพื่อลดปริมาณขยะและร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม
.
หากประชาชนพบเห็นเหตุสาธารณภัย สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ทางโทรศัพท์สายด่วนหมายเลข 199 และ 1555 ตลอด 24 ชั่วโมง.
.
 

ลุงตู่ จัดงานใหญ่ วิ่งชิงแชมป์โลกครั้งแรกของไทย ต้อนรับนักกีฬาทีมชาติจาก 52 ประเทศ

‘วิ่งภูเขา’ ชิงแชมป์​โลก​ ครั้งแรกของไทยในรายการ AMAZING THAILAND WORLD MOUNTAIN & TRAIL RUNNING CHAMPIONSHIPS ต้อนรับนักกีฬาทีมชาติจาก 52 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมแข่งขันระหว่าง 4-6 พ.ย. 65 เส้นทางดอยสุเทพ
.
โดยผู้เข้าแข่งขันจะได้สัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมสองข้างทาง ตั้งแต่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ ผ่านบ้านขุนช่างเคี่ยน, บ้านม้งดอยปุย, บ้านผานกกก, ตำบลโป่งแยง และสถานที่อื่นๆ อีกมากมาย

จากนี้ไปไทยแลนด์คงยิ่งคึกคัก เพราะหลัง 'บิ๊กตู่' ประกาศชัยจากโควิด19 เราก็เริ่มเห็นมาตรการด้านเศรษฐกิจที่ 'รัฐบาล' และ 'ครม.' ไฟเขียวฉลุยใน หลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะแนวทางกระตุ้นด้านท่องเที่ยวที่เปิดโอกาสชวนนักท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมไปถึงอุตสาหกรรมการรักษาสุขภาพที่มีมูลค่ามหาศาลไปในตัว

ฉะนั้นทุกกิจกรรมของประเทศ ทั้งดึงดูดการลงทุน พาชิล กิน ชมวัฒนธรรม และท้าทายความสามารถของผู้คน คงจะค่อยๆ ผุดขึ้นมาให้ทั่วโลกต้องมองมาที่จุดเดียว นั่นคือ 'ประเทศไทย' 
 


TRENDING
© Copyright 2022, All rights reserved. Bangkok I Love You
Take Me Top