คิดค้นโดยคนไทย แบตเตอรี่กราฟีน ชาร์จไว จุไฟนาน
ต้องยอมรับว่า ในตอนนี้ รถยนต์ไฟฟ้า EVs ยังมีข้อจำกัดอยู่หลายประการอย่างราคาแบตเตอรี่ที่แพง และการชาร์จเพื่อใช้งานในแต่ละครั้งที่ต้องใช้เวลานาน ทำให้หลายคนยังไม่ตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แต่ล่าสุด สจล.ได้คิดค้นนวัตกรรม ‘แบตเตอรี่กราฟิน’ สำหรับ EVs ครั้งแรกในประเทศไทย ที่อาจจะเข้ามาพลิกโฉมวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในไทยในทิศทางที่ดีขึ้น
.
‘แบตเตอรี่กราฟีน’ ดังกล่าว มีจุดเด่น คือ การกักประจุไฟฟ้าที่มากขึ้น และมีอัตราการอัดประจุไฟฟ้าที่เร็วกว่าแบตเตอรี่แบบเดิม และที่สำคัญ ราคาถูก ทนทาน ปลอดภัยต่อการใช้งาน ไม่ระเบิด ไม่ติดไฟ
.
โดย กราฟีน ถือเป็นวัสดุที่นานาประเทศยอมรับว่า มีความสำคัญในการสร้างนวัตกรรมในอนาคต โดยจะเป็นชั้นอะตอมของคาร์บอนที่เรียงตัวต่อกันเป็นโครงหกเหลี่ยม ซึ่งบางที่สุดในโลก แข็งแกร่งกว่าเพชรและเหล็กกล้าถึง 200 เท่า และนำไฟฟ้าและความร้อนได้ดีที่สุดในโลก
.
สำหรับ การผลิต ‘แบตเตอรี่กราฟีน’ จะใช้รีดิวซ์กราฟีนออกไซด์ ร่วมกับคาร์บอนจากวัสดุการเกษตรธรรมชาติ เช่น ถ่านเปลือกทุเรียน ถ่านกัญชง ถ่านหินลิกไนต์ และคาร์บอนทั่วไป มาทำเป็นขั้วไฟฟ้า พร้อมทั้งยังพัฒนาวัสดุใหม่ อย่างวัสดุคอมโพสิตยางพาราผสมนาโนกราฟีนออกไซด์ เพื่อป้องกันการคายประจุจากไฟฟ้าสถิต ทั้งเป็นตัวดูดซับสารอิเล็กโทรไลต์ให้มีสภาพเปียกได้สูง มีพื้นที่ผิวจำเพาะสูง ช่วยให้การเคลื่อนที่ของไอออนไหลผ่านได้ดีขึ้นจากรูพรุนที่เหมาะสม ส่งผลให้ยางพารามีประสิทธิภาพในการเป็นตัวแยกขั้วไฟฟ้าที่ดี ไม่มีความร้อนสะสมภายใน ทนต่อความร้อน และปฏิกิริยาเคมีจากกราฟีนออกไซด์
.
ที่ผ่านมาเป้าหมายการผลิต ‘กราฟีน’ ได้สำเร็จไปแล้วในเฟสที่ 1 ด้วยกำลังผลิตเดือนละ 15 กก. ลดการนำเข้าได้ กก.ละกว่า 10 ล้านบาท โดย สจล.เป็นแห่งเดียวในไทย ที่สามารถผลิต ‘กราฟีน’ ได้เอง
.
และล่าสุด สจล. ก็ได้คิดค้น ‘แบตเตอรี่กราฟีน’ ได้สำเร็จในเฟสที่ 2
.
สำหรับแนวทางการทดลอง ‘แบตเตอรี่กราฟีน’ ในรถยนต์ไฟฟ้า ทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จะเริ่มทดลองในเฟสที่ 3-4 กับ รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถตุ๊กๆ สามล้อ โดยคาดว่าจะเริ่มทดลองได้ในช่วงปลายปี 2566 หรือต้นปี 2567 จากนั้นจะขยายการวิจัยไปที่การใช้งานกับ ‘รถยนต์ไฟฟ้า EVs’
.
โดยหากผลิต ‘แบตเตอรี่กราฟีน’ ได้สำเร็จ คนไทยเฮได้เลย! เพราะราคาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า จะถูกลงกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมที่ใช้ในปัจจุบันได้ราว 50-60% จากราคาตลาดลิเธียมที่แพงและต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
.
นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) จากการลดปริมาณวัสดุเหลือใช้ในประเทศ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
.
อย่างไรก็ตาม ทาง รศ.ดร.คมสัน มาลีสี รักษาการอธิการบดี สจล. กล่าวว่า วันที่ 27-29 เมยายนนี้ สจล. จะนำนวัตกรรม ‘แบตเตอรี่กราฟีน’ ไปจัดแสดงผลงานในงาน KMITL INNOVATION EXPO 2023 ภายในงานมีผลงานสิ่งประดิษฐ์ฝีมือคนไทย จำนวน 1,111 ชิ้น ที่น่าสนใจ เช่น ผ้าไหมไทยย้อมกราฟีนแบบใส่ในเมืองร้อนและเมืองหนาว เม็ดพลาสติกกราฟีน และระบบตรวจจับ Plasma Bubble ในชั้นบรรยากาศ และอื่น ๆ อีกมากมาย
.
ขอบคุณข้อมูลจาก
-KomChadLuek
http://bit.ly/40tO2BX
-Bangkokbiznews
http://bit.ly/3U1qrGm
.
#BangkokIloveYou
#มาร่วมสร้างกรุงเทพกัน
ความภูมิใจของคนไทย ร้านอาหารไทย Le Du ได้รับรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย
ร้านอาหาร Le Du ในกรุงเทพฯ ได้รับรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย The Best Restaurant in Asia จากการจัดอันดับ Asia’s 50 Best Restaurants ที่ได้รับการสนับสนุนโดย S.Pellegrino & Acqua Panna งานประกาศรางวัลนี้ได้จัดขึ้นที่ Resorts World Sentosa ประเทศสิงคโปร์ การตัดสินรางวัลมาจากการโหวตของ Asia’s 50 Best Restaurants Academy ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลในวงการอาหารรวมกว่า 300 คน เช่น นักเขียนบทความอาหารและนักวิจารณ์ เชฟ ผู้ประกอบการร้านอาหาร และผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารในระดับภูมิภาค
ร้านอาหาร Le Du และ Nusara ในกรุงเทพฯ คว้าตำแหน่ง No.1 และ No.3 ไปครองตามลำดับ โดยร้าน Le Du ของเชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร นำเสนอรสชาติอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานกับแนวคิดของอาหารฝรั่งเศส เมนูอาหารของทางร้านเน้นการใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลและวัตถุดิบในท้องถิ่น ด้วยความเชื่อมั่นในคุณภาพของวัตถุดิบในไทย
.
ส่วนร้านอาหารที่รั้งตำแหน่ง No.2 คือร้าน Sezanne ในโตเกียว พร้อมกับควบตำแหน่งร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งประเทศญี่ปุ่น The Best Restaurant in Japan อีกหนึ่งตำแหน่ง
การคว้าตำแหน่ง No.1 ไปครองนี้ เท่ากับว่า ร้าน Le Du ได้รับตำแหน่งร้านอาหารยอดเยี่ยมควบสองตำแหน่งพร้อมกัน ได้แก่ ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย The Best Restaurant in Asia ที่ได้รับการสนับสนุนโดย S.Pellegrino & Acqua Panna และร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย The Best Restaurant in Thailand
William Drew ผู้อำนวยการฝ่ายคอนเทนต์ของ Asia’s 50 Best Restaurants กล่าวว่า เราขอแสดงความยินดีกับร้านอาหารทุกร้านที่ได้รับการจัดอันดับในปีนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เราขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับร้าน Le Du รวมถึงเชฟต้นและทีมงาน ซึ่งสามารถผสมผสานความมุ่งมั่นในการสืบสานวัฒนธรรมอาหารไทย ความเคารพต่อวัตถุดิบในท้องถิ่น และเทคนิคการทำอาหารที่ทันสมัยได้อย่างลงตัว จนส่งผลให้ร้านอาหารแห่งนี้เป็นผู้ชนะอย่างแท้จริงในการจัดอันดับครั้งนี้
ร้านอาหารที่ติดอันดับในปีนี้มาจาก 19 เมือง และมีร้านอาหารที่เข้ามาติดอันดับเป็นครั้งแรก 7 ร้าน
– Labyrinth (No.11) ในสิงคโปร์ กระโดดขึ้นมามากถึง 29 อันดับ จนคว้ารางวัล Highest Climber Award
– Avartana (No.30) ในเจนไน ได้รับรางวัล Highest New Entry Awardที่ได้รับการสนับสนุนโดย Aspire Lifestyles
– Toyo Eatery (No.42) ในมะนิลา คว้ารางวัล Flor de Cana Sustainable Restaurant Award
– Zen (No.21) ในสิงคโปร์ ได้รับรางวัล Gin Mare Art of Hospitality Award
– Louisa Lim จากร้าน Odette (No.6) ในสิงคโปร์ คว้ารางวัล Asia’s Best Pastry Chef ที่ได้รับการสนับสนุนโดยValrhona
– Della Tang จากร้าน Ensue (No.31) ในเซินเจิ้น คว้ารางวัล Beronia Asia’s Best Sommelier Award ที่มีการมอบเป็นครั้งแรก
– Hiroyasu Kawate จากร้าน Florilege (No.7) ในโตเกียว ได้รับรางวัล Inedit Damm Chefs’ Choice Award ไปครอง
สำหรับร้านอาหารที่เข้ามาติดอันดับเป็นครั้งแรกในปีนี้ประกอบด้วยร้าน Avartana (No.30) ในเจนไน, ร้าน Born (No.36) ในสิงคโปร์, ร้าน Metiz (No. 48) ในมะนิลา, ร้าน Refer (No.50) ในปักกิ่ง รวมถึงร้าน Ms. Maria & Mr. Singh (No.33), ร้าน Potong(No.35) และ Baan Tepa (No.46) ในกรุงเทพฯ
ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์
ซาอุ! เที่ยวไทยพุ่ง ไทยโกย 1.2 หมื่นล้าน คาดนทท. ปีนี้ แตะ 1.5 แสนคน
การฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ผ่านมากว่า 1 ปีจนถึงปัจจุบัน ส่งผลบวกต่อการท่องเที่ยวของไทยอย่างชัดเจน หลังจาก 32 ปีที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียไม่อนุญาตให้พลเรือนเดินทางมายังประเทศไทยสำหรับการท่องเที่ยวแต่อนุญาตให้เดินทางเฉพาะเพื่อการรักษาพยาบาล การติดต่อเจรจาธุรกิจ/ราชการเท่านั้น
นักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียตลาดดาวรุ่งท่องเที่ยวไทย
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ททท.ให้ความสำคัญในการทำตลาดเชิงรุกสำหรับนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากเป็นตลาดดาวรุ่ง (Emerging Markets) ที่มีกำลังซื้อสูง และเดินทางเป็นครอบครัวใหญ่ นิยมเดินทางมาประเทศไทยเพื่อใช้บริการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และรักษาพยาบาล จุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยม ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา พังงา และกระบี่ ทั้งนี้ในปัจจุบันการบินไทย เเละสายการบิน Saudia ให้บริการเที่ยวบินตรงมาไทย จากเมืองริยาด เเละเจดดาห์ และมีเที่ยวบินต่อเครื่องในตะวันออกกลาง โดยสายการบินเอมิเรสต์ กาตาร์ แอร์เวย์ส และเอทิฮัด แอร์เวย์ส
ซาอุฯเที่ยวไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้ในปี 2565 ไทยมีนักท่องเที่ยวจากซาอุดีอาระเบีย 96,389 คน ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สร้างรายได้มากกว่า 8,000 ล้านบาท และทิศทางยังแรงต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-12 มี.ค.2566 มีนักท่องเที่ยวซาอุฯ เดินทางเข้าไทยเเล้ว 20,693 ราย สำหรับในปี 2566 ททท.คาดการณ์เป้านักท่องเที่ยวซาอุฯ อยู่ที่ราว 150,000 คน ประมาณการค่าใช้จ่ายต่อทริป รายละประมาณ 80,000 บาท คาดว่าจะสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวกว่า 12,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีปัจจัยเชิงบวกที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการเจรจาปรับปรุงสิทธิการบินของไทยและซาอุดีอาระเบีย ที่กำหนดเพิ่มเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสาร จากเดิมฝ่ายละ 9 เที่ยว/สัปดาห์ เป็นฝ่ายละไม่เกิน 42 เที่ยว/สัปดาห์
เที่ยวบินเข้าไทยพุ่งหลังปรับปรุงสิทธิการบินไทย-ซาอุ
ประโยชน์ในการปรับปรุงสิทธิการบิน จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้การบินทั้ง 2 ฝ่าย มีความคล่องตัว เพิ่มความยืดหยุ่นในการวางแผนการตลาดให้การบริการเกิดความคุ้มทุนมากขึ้น และอำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกแก่ผู้โดยสารด้วย โดยมีกำหนดเพิ่มเที่ยวบินเส้นทางเจดดาห์-กรุงเทพฯ ของสายการบิน Saudia ในเดือนมี.ค.นี้ จาก 7 เที่ยว เป็น 11 เที่ยว/สัปดาห์ กำหนดการเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ โดยสายการบิน Saudia เส้นทาง เจดดาห์-ภูเก็ต ในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.นี้ ททท.เน้นทำตลาดเชิงรุก
นายยุทธศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่า สำหรับการทำตลาดททท.จะเน้นทำตลาดเชิงรุกทั้งในระดับ B2B และ B2Cโดยในเดือนพ.ค.นี้ จะจัดกิจกรรม Post ATM Road Show to Jeddah -Riyadh-Dammam ระหว่างวันที่ 7-11 พ.ค.2566 ณ เมืองเจดดาห์, กรุงริยาด และเมืองดัมมัม เปิดรับสมัครเอกชนไทย 60 ราย กระตุ้นการขายการท่องเที่ยวในช่วงหลังเดือนรอมฎอน (ปลายมี.ค.-เม.ย. 2566)โดยมองเป้าหมายขยายโอกาสทางการตลาดไปยังเมืองขนาดใหญ่ต่างๆ ในซาอุดีอาระเบีย และต่อยอดจากการเข้าร่วมงาน Arabian Travel Mart 2023 ระหว่างวันที่ 1-4 พ.ค.66 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
รวมทั้งยังมีแผนร่วมงานกับสายการบิน Saudia และการบินไทย ซึ่งให้บริการเที่ยวบินตรง โดยจัดกิจกรรมเสนอขาย Joint Sales Promotion ผ่านช่องทาง Online & Social Media ภายใต้แนวคิด WHY Thailand นำเสนอประเทศไทยในมุมมองใหม่ เพื่อเจาะกลุ่ม Arab Millennials & FIT และกิจกรรม Agents / Influencers Fam Trip สร้างการรับรู้และความคุ้นเคยกับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทย อีกทั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2566 ทางซาอุดีฯ มีการประกาศจัดตั้งสายการบินแห่งชาติแห่งใหม่ ในชื่อ Riyadh Air ดำเนินงานโดยกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย (PIF หรือ Public Investment Fund) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดมายังไทยในอนาคตเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ที่มา : Ar-pae.com
15 มีค.66 ไทยชนะโหวต การ์ตา ในรอบสุดท้ายที่คัดเหลือแข่งกันเพียง2 ประเทศ ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2569 ระหว่างวันที่ 16-18 ต.ค. 2569 ซึ่งจะมีผู้เดินทางมาร่วมประชุม ซึ่งเป็นผู้บริหารการเงินระดับสูง จากทั่วโลกมาถึง 14,000 คน ประเทศที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพ ในครั้งนี้มีถึง 5 ประเทศ เป็นประเทศร่ำรวยมาก ถึง3 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย UAE กาตาร์ และกรีซกับไทย